ผู้เขียน | Stivie T |
---|---|
เผยแพร่ |
แม้ว่ามันจะผ่านมาหลายวันแล้ว แต่เรื่องนี้ยังรู้สึกคุกกรุ่นอยู่ในใจไม่หาย กับความพ่ายแพ้ของ ทีมชาติไทย รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี ต่อคู่ปรับตลอดกาลอย่างทีม “ดาวทอง” เวียดนาม ในศึก ชิงแชมป์เอเชีย รอบคัดเลือก
จริงอยู่ที่ว่ามันไม่ได้เสียหายมากนัก เพราะทีมชาติไทยเองได้สิทธิเล่นในรอบสุดท้ายอยู่แล้ว ในฐานะเจ้าภาพ ช่วงต้นปีหน้า แต่มันก็แสดงให้เห็นถึงข้อบกพร่องต่างๆ
โอเค การไปเล่นทัวร์นาเมนต์นี้ ก่อนไปบอกกันอยู่แล้วว่าเป็นการทดลองทีม ไม่ได้หวังผล แต่เชื่อว่าทุกคนต่างก็คาดหวังที่จะคว้าแชมป์กลุ่ม ชนะรวดทุกนัด กันอยู่แล้ว ซึ่งสุดท้ายมันก็ออกมาไม่เป็นไปตามที่คาดหวังกันเอาไว้
ไม่ได้อยากให้มองเรื่องความพ่ายแพ่ต่อเวียดนามนั้นเป็นเรื่องใหญ่มาก เพราะฟุตบอลมีแพ้-มีชนะ เราเคยผูกปีชนะมา ช่วงนี้เวียดนามมีการเตรียมทีมที่ดีมากๆ อีกทั้งเล่นในบ้านตัวเองท่ามกลางแฟนบอลหลายหมื่นคนด้วย ดังนั้นแพ้บ้างก็ต้องอยู่กับมันให้ได้
แต่สิ่งที่เป็นกังวลคือเรื่องของการแข่งขันในรอบสุดท้าย ซึ่งเป็นทัวร์นาเมนต์สำคัญที่จะคัดเลือก 3 ทีมเข้าไปเล่นใน โอลิมปิกเกมส์ 2020 ที่ประเทศญี่ปุ่นด้วย
สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ลงทุนขอเป็นเจ้าภาพการแข่งขันรายการนี้ แน่นอนว่าเป้าหมายใหญ่สุดคือการผ่านเข้าไปเล่นโอลิมปิกเกมส์ รอบสุดท้ายให้ได้ หลังจากครั้งสุดท้ายที่ได้ไปต้องย้อนไปถึงปี 1964
แต่ตอนนี้เชื่อว่าหลายคนคงไม่มั่นใจในทีมชุดนี้กันบ้างแล้ว
อย่างหนึ่งที่ต้องยอมรับคือเรื่องของระยะเวลาในการเตรียมทีมให้กับ อเล็กซานเดร กาม่า กุนซือชาวบราซิเลียน ถือว่าค่อนข้างน้อย และมีปัญหาตลอด อย่างตอนจะไปแข่งขันชิงแชมป์อาเซียน ก็มีนักเตะถอนตัวถึง 25 รายด้วยกัน หรืออย่างรายการนี้ ก็มีเวลาแค่ 3 วันก่อนแข่งขันเท่านั้น
ช่วงเวลาที่เหลือจนกว่าจะถึงเดือนมกราคมปีหน้า ถือว่าไม่มากแล้วสำหรับการเตรียมตัว จะมีวิธีการใดบ้างที่จะช่วยให้การเตรียมทีมนั้นมันออกมาได้ผลดีที่สุด
แนวทางที่คิดเอาไว้ทางหนึ่ง เป็นวิธีเก่าที่เคยใช้ตอนเตรียมทีมทวงแชมป์ซีเกมส์ เมื่อปี 2013 คือการเรียกนักเตะมารวมทีมกันทุกเดือน เดือนละ 1-2 ครั้ง เพื่อทบทวนแท็คติก และสร้างความสัมพันธ์ให้กับในทีม
ถามว่าครั้งนี้มีโอกาสทำได้ไหม ก็มีอยู่ เพราะตอนนี้ฟุตบอลลีกสูงสุดอย่าง **โตโยต้า ไทยลีก** ปรับมาเหลือ 16 ทีม ทำให้โปรแกรมกลางสัปดาห์น้อยลงจนแทบไม่มี
ถ้าหากขอความร่วมมือสโมสร จันทร์-พุธ ให้นักเตะได้ลองมารวมตัวก่อน ก่อนกลับไปซ้อมกับสโมสรเพื่อเตรียมตัวสำหรับสุดสัปดาห์ต่อไป ก็ถือว่าพอทำได้
จริงอยู่วิธีนี้อาจจะดูไม่เป็นมืออาชีพ และอาจจะมีสโมสรที่ไม่เห็นด้วย แต่ก็มองว่ามันคือโอกาสดีครั้งหนึ่งที่ไทยจะได้มีโอกาสไปโอลิมปิกเกมส์ ดังนั้นสิ่งที่เราต้องการในตอนนี้อาจจะเป็นการร่วมมือกันของทุกฝ่ายก็ได้
เพราะนอกเหนือจากปรีโอลิมปิกเกมส์แล้ว อย่าลืมว่าปลายปีก็มี ซีเกมส์ 2019 ที่ประเทศฟิลิปปินส์ ถ้าหากเลือกเตรียมทีมดีๆ มันจะต่อเนื่องได้ทั้งสองรายการ
สุดท้ายอยากให้วางแผนเตรียมตัวให้ดี เพราะพลาดครั้งนี้บอกเลยว่าครั้งต่อไปจะยากไปกว่านี้อีก
ติดตามข่าวเด็ดกีฬาดัง ทาง Line@ มติชนกีฬา (@matisport) คลิกเลย