‘โต่ย’ ยันให้ ’กาม่า’ เลือกนักเตะก่อนแต่ขอ’ศุภชัย’ไว้ แย้มมีหน้าใหม่เกิน10ราย

ตามที่สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ตอบรับคำเชิญส่งทีมฟุตบอลทีมชาติไทย รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี เข้าแข่งขันฟุตบอลรายการพิเศษรายการ “เมอร์ไลออน คัพ 2019” ที่ประเทศสิงคโปร์ ระหว่างวันที่ 5-10 มิถุนายน ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่ทีม “ช้างศึก” ทีมฟุตบอลทีมชาติไทย ชุดใหญ่ มีโปรแกรมสำคัญคือฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทาน “คิงส์คัพ” ครั้งที่ 47 ระหว่างวันที่ 5-8 มิถุนายน ที่ช้าง อารีนา จังหวัดบุรีรัมย์ นั้น

ล่าสุด “โค้ชโต่ย”​ ศิริศักดิ์ ยอดญาติไทย หัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชาติไทย ชุดใหญ่ เปิดเผยว่า ในเรื่องของการเรียกนักเตะทีมฟุตบอลทีมชาติไทยที่จะเข้าแข่งขันคิงส์คัพครั้งนี้ ก็ได้มีการพูดคุยกับอเล็กซานเดร กามา หัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชาติไทย รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี เอาไว้ จริงๆ ทางกาม่า ให้ตนเป็นคนเลือกนักเตะก่อน แต่ทว่าส่วนตัวแล้วมองว่าอยากให้นักกีฬาได้เล่นในช่วงอายุของตัวเองมากกว่า

“อีกทั้งจากการดูทีมชาติไทย ชุดยู-23 ที่แพ้ให้กับทีมชาติเวียดนาม ในการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์เอเชีย รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี รอบคัดเลือก ก็มองว่าทีมชุดนี้จะต้องมีการรวมตัวกันให้มากกว่านี้ ในคิงส์คัพ สำหรับรุ่นยู-23 คนไหนที่ไม่ได้ติดทีม แล้วทำผลงานได้ดี ในฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก ที่จะต้องใช้ชุดที่ดีที่สุด ก็อาจจะมีลุ้นขึ้นมาติดได้” กุนซือใหญ่ทีมชาติไทยกล่าว

โค้ชโต่ย กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม ในส่วนของ “อาร์ม” ศุภชัย ใจเด็ด ตนได้คุยกับ “บิ๊กอ๊อด” พล.ต.อ.ดร.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ เอาไว้ ว่าจะให้มาติดทีมชุดคิงส์คัพ เพราะว่าปัญหาในเรื่องของกองหน้าของทีมชาติไทยชุดใหญ่ จึงอยากเก็บไว้ใช้งาน แต่ในส่วนของ “แบงค์” ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา กองหน้าดาวรุ่งวัย 16 ปี นั้น ยังคิดว่าเป็นนักเตะที่เป็นอนาคตของชาติ และน่าจะให้เล่นกับทีมยู-23 จะได้รับโอกาสในการลงเล่นมากกว่ามาติดทีมชุดใหญ่

Advertisement

“สำหรับรายชื่อ 35 คน ที่จะประกาศในวันที่ 15 พฤษภาคมนี้ จะมีนักเตะหน้าใหม่ ที่กำลังทำผลงานได้ดีในระดับสโมสร เข้ามาติดทีมมากกว่า 10 คน เพราะมองว่าจำเป็นจะต้องให้โอกาสคนที่กำลังทำผลงานได้ดี” ศิริศักดิ์ กล่าวเสริม

ผู้สื่อข่าวสอบถามถึงการที่ทีมชาติเวียดนาม พยายามหาผู้เล่นลูกครึ่งเข้ามาเสริมทีมหลายคนนั้น โค้ชโต่ย กล่าวว่า ไม่อยากให้ไปกลัวกับการเจอกับนักเตะลูกครึ่ง เพราะว่าถึงเวลาถ้าจะก้าวขึ้นไปในระดับที่สูงกว่านี้ จะต้องเจอนักเตะต่างชาติที่ดีๆ อีกมากเช่นกัน ถ้าหากกลัวก็ไม่สามารถก้าวขึ้นไประดับสูงได้ นักเตะไทยไม่จำเป็นจะต้องไปกลัวใครทั้งสิ้น ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุดก็พอ

ทั้งนี้ การแข่งขันฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทาน “คิงส์คัพ” ครั้งที่ 47 จะจัดขึ้นที่ช้าง อารีนา จ.บุรีรัมย์ ระหว่างวันที่ 5-8 มิถุนายน โดยโปรแกรมในรอบรองชนะเลิศ วันที่ 5 มิถุนายน คู่แรก เวลา 15.30 น. ทีมชาติอินเดีย ทีมอันดับ 101 ของโลก พบ ทีมชาติกือราเซา อันดับ 82 ของโลก คู่สอง เวลา 19.45 น. ทีมชาติไทย อันดับ 114 พบกับ ทีมชาติเวียดนาม อันดับ 98 ของโลก ผู้ชนะจะเข้าไปชิงชนะเลิศวันที่ 8 มิถุนายน

โดย “โค้ชโต่ย” เตรียมจะเรียกนักเตะที่มีรายชื่อ เข้ามารายงานตัวในวันที่ 30 พฤษภาคม และเก็บตัวที่โรงแรมดิเอ็มเมอรัลด์ ซ้อมที่สนามบุณยะจินดา ก่อนจะเดินทางไปยังจังหวัดบุรีรัมย์ ในวันที่ 2 มิถุนายนต่อไป

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image