จากกรณีปัญหาฟุตบอล “โตโยต้า ไทยลีก 2019” เมื่อวันอาทิตย์ที่ 14 กรกฎาคมที่ผ่านมา ซึ่ง “ช้างศึกยุทธหัตถี” สุพรรณบุรี เอฟซี เสมอกับ “ค้างคาวไฟ” สุโขทัย เอฟซี 1-1 ที่สนามกีฬากลางจ.สุพรรณบุรี ซึ่งมีจังหวะท้ายเกม ณัฐวุธ เจริญบุตร ของสุโขทัย ใช้มือชกบอลในเขตโทษ แต่พิชิต ณ สุวรรณ ผู้ตัดสินในเกมนั้นไม่ให้จุดโทษ พร้อมเป่านกหวีดหมดเวลาทันที
ก่อนที่เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม “บิ๊กอ๊อด” พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย จะมีหนังสือลงโทษกรรมการ พิชิต ณ สุวรรณ ระงับการทำหน้าที่อย่างไม่มีกำหนด เนื่องจากตัดสินคลาดเคลื่อนส่งผลต่อผลการแข่งขัน และภาพลักษณ์ของสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ นั้น
ล่าสุด บิ๊กอ๊อด เปิดเผยว่า ได้มีคำสั่งลงโทษจริง เพราะมีจังหวะแฮนด์บอลชัดเจน แต่กลับไม่ให้จุดโทษ อย่างไรก็ตาม พิชิต สามารถยื่นอุทธรณ์ได้ ขณะที่คณะกรรมการฝ่ายผู้ตัดสินก็จะทำการสอบสวนต่อไปถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ขณะที่มีข่าวว่า ก่อนการแข่งขันมีการเปลี่ยนตัวผู้ตัดสิน พิชิต ณ สุวรรณ ที่เดิมเป็นผู้ตัดสินที่ 4 มาทำหน้าที่ตัดสินแทน วิวรรธน์ จำปาอ่อน ซึ่งผู้ควบคุมการแข่งขันให้เหตุผลว่า เปาวิวรรธน์เพิ่งชี้ขาด สุพรรณบุรี บุกเสมอ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด 0-0 นั้น ทางพล.ต.อ.สมยศ กว่าวว่า ตนเป็นผู้ที่สั่งให้เปลี่ยนเอง เพราะมาตรวจรายชื่อประมาณ 3 ชั่วโมงก่อนแข่ง พบว่า เปาวิวรรธน์ เพิ่งเป่าคู่สุพรรณบุรี ซึ่งตามระเบียบแล้ว จะทำหน้าที่ซ้ำไม่ได้ ทั้งนี้ นายวราวุธ ศิลปอาชา ประธานสโมสรสุพรรณบุรี ก็โทรมาสอบถามว่าทำไมถึงเปลี่ยนผู้ตัดสินกระทันหัน ตนก็ชี้แจงไป นายวราวุธ ก็เข้าใจ
“เดิมทีผู้ตัดสินที่ 1 คู่นี้ เป็น มงคลชัย เพชรศรี แต่ มงคลชัย ไปต่างประเทศ ทางคณะกรรมการผู้ตัดสินก็เปลี่ยนเป็น วิวรรธน์ แล้วส่งมาให้ผมตรวจเป็นปกติ มาไล่ๆ ผบว่า เปาวิวรรธน์เพิ่งเป่าสุพรรณบุรี ไป แล้วตอนนั้นจะเริ่มเตะในอีก 3 ชั่วโมง จึงเปลี่ยนให้ผู้ตัดสินที่ 4 มาแทน การเปลี่ยนผู้ตัดสินมีเป็นปกติ ด้วยเหตุผลต่างๆ บางทีได้ข้อมูลแปลกๆ มาก็เปลี่ยน” บิ๊กอ๊อด กล่าว
