นายวรงค์ ทิวทัศน์ เลขานุการฝ่ายจัดการแข่งขัน บริษัท ไทยลีก จำกัดเป็นประธานในการแถลงข่าวความพร้อม “มีท เดอ วอริเออร์” ฟุตบอล “โตโยต้า ไทยลีก 2019” นัดที่ 23 ของฤดูกาล ที่อาคารเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบพระชนมพรรษา การกีฬาแห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม
นายวรงค์ กล่าวว่า จากที่ทางสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) เตรียมจะใช้กฎการแข่งขัน (Laws of the game) ใหม่ตั้งแต่วันที่ 20 สิงหาคม เป็นต้นไป ตอนนี้ทางสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ กำลังเร่งมือจัดอบรมให้กับผู้ตัดสินในส่วนที่อยู่ภูมิภาค เพื่อให้มีความรู้และพร้อมสำหรับการตัดสิน สามารถนำไปใช้ได้
สำหรับการแข่งขัน “โตโยต้า ไทยลีก 2019” สัปดาห์ที่ 23 ไฮไลท์สำคัญอยู่ที่การเจอกันของทีมจากหัวตาราง คู่แรก วันที่ 11 สิงหาคม เวลา 18.00 น. “สิงห์เจ้าท่า” การท่าเรือ เอฟซี ทีมอันดับ 3 จะเปิดรังแพท สเตเดียม รับการมาเยือนของ “กิเลนผยอง” เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ทีมอันดับ 6 ถ่ายทอดสดทาง ทรู4ยู โดยเกมนี้จากการตกลงกันของทั้งสองทีม จะไม่มีแฟนบอลของทีมเยือนเข้าไปชมเกมในสนามเพื่อความปลอดภัย
นายสระราวุฒิ ตรีพันธ์ ผู้ฝึกสอนทีมการท่าเรือ กล่าวว่า สภาพทีมต้องเช็คความพร้อมของผู้เล่นหลังจากต้องลงสนามถึง 4 นัดในช่วง 15 วัน อาจจะทำให้นักเตะมีอาการล้า และจะต้องมีการโรเตชั่นนักเตะบ้างในบางตำแหน่ง
อย่างไรก็ตามนี่เป็นเกมสำคัญสำหรับทีม เมืองทองนั้นกำลังเข้าฝัก ชนะมาต่อเนื่องทำให้มีสภาพจิตใจที่ดี และก็สดกว่าในเกมนี้เพราะได้พักมาสัปดาห์เต็มๆ ดังนั้นเล่นให้รัดกุมที่สุด ต้องทำการบ้านอย่างหนัก วิเคราะห์ข้อมูลทั้งหมดที่มีเพื่อเก็บผลการแข่งขันให้ได้
“ตั้งแต่ที่เข้ามารับงานเป้าหมายก็ยังคงเป็นเหมือนเดิมคือการเป็นแชมป์ให้ได้ ตอนนี้ทำได้แค่เก็บ 3 คะแนนให้ได้มากที่สุดเพื่อหายใจรดต้นคอทีมนำไปเรื่อยๆ แล้วมาดูว่าสุดท้ายจะมีอะไรพลิกได้บ้าง ส่วนเรื่องของอนาคตนั้นยังไม่ได้เรียกร้องสัญญาอะไร เพราะมันต้องอยู่ที่ผลงาน ถ้าหากทำดีก็อาจจะได้อยู่ต่อ ดังนั้นตอนนี้มองแต่เรื่องของการทำงานให้ดีที่สุดก็พอ” นายสระราวุฒิ กล่าวปิดท้าย
ด้านนายอุทัย บุญเหมาะ ผู้ช่วยผู้ฝึกสอนทีมกิเลนผยอง กล่าวว่า สภาพทีมตอนนี้ต้องเช็คความพร้อมของ “มุ้ย” ธีรศิลป์ แดงดา และ “กอล์ฟ” อดิศักดิ์ ไกรษร ว่าจะพร้อมลงสนามหรือไม่ในเกมนี้ ส่วนการที่แฟนบอลไม่สามารถไปเชียร์ได้นั้น ก็ได้จัดจอยักษ์เตรียมเอาไว้ที่ตลาดนัดมะลิ เมืองทองธานี เพื่อให้แฟนบอลได้ไปเชียร์ร่วมกัน
“การไปเล่นในเกมนี้ไม่มีแฟนบอลตามไปเชียร์ จะต้องเจอกับแฟนบอลเจ้าถิ่น ต้องรัดกุม มีสมาธิให้มากที่สุด อย่าเล่นเสียแบบง่ายๆ จากผลงาน 2 นัดที่แพ้รวดมา ในแต่ละเกมมันก็มีความแตกต่างกันไป ล่าสุดที่เจอกันในเอฟเอ คัพ ทีมขาดแค่เรื่องของการจบสกอร์เท่านั้น ต้องปรับเปลี่ยนให้่มันดีขึ้นในเกมนี้ แน่นอนว่าการเจอกับการท่าเรือเป็นเกมที่ยาก แต่ก็หวังว่าจะสามารถบุกไปเอาชนะได้”
บิ๊กแมตช์อีกคู่หนึ่ง ลงสนามในวันที่ 11 สิงหาคม เวลา 18.00 น. “เขี้ยวสมุทร” สมุทรปราการ ซิตี้ ทีมอันดับ 5 จะพบกับ “กว่างโซ้งมหาภัย” สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด ทีมรองจ่าฝูง ที่สมุทรปราการ สเตเดียม ถ่ายทอดสดทางทรูสปอร์ต7
นายเชน ขำวิลัย ผจก.ฝ่ายการตลาดสมุทรปราการ ซิตี้ กล่าวว่า สภาพทีมตอนนี้ไม่มีผู้เล่นบาดเจ็บหรือว่าติดโทษแบนแต่อย่างใด การเจอกับเชียงรายในนัดนี้ โค้ชได้มีการเตรียมเกมรับเอาไว้อย่าดี เพราะว่าแนวรุกของเชียงรายน่ากลัวทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็น บิล โรซิมาร์, วิลเลี่ยม เอ็นริเก้ หรือเอกนิษฐ์ ปัญญา อย่างไรก็ตามเชื่อมั่นว่าทีมจะรับมือได้
“จากผลงานช่วงหลังที่ไม่ชนะมาหลายเกมติด แต่ก็ยังถือว่าไม่หลุดจากเป้าหมายของทีมที่ต้องการติดท็อป 5 ให้ได้ ส่วนถ้าจะจบสูงกว่านี้ก็ถือว่าเป็นโบนัส มองกันไปทีละเกมเกมนี้อยากจะเก็บ 3 คะแนน เพื่อเรียกขวัญและกำลังใจให้กลับมาอยู่ในเส้นทางอีกครั้ง” นายเชน กล่าวปิดท้่าย
ขณะที่นายปรัชญ์ มาลารัตน์ ผจก.ทั่วไปสิงห์ เชียงราย กล่าวว่า เกมนัดนี้จะไม่มีชัยวัฒน์ บุราณ ที่ติดโทษแบน แต่ก็จะต้องมีการหมุนผู้เล่นในบางตำแหน่งเนื่องจากเพื่อลงเล่นกลางสัปดาห์มา จากการศึกษามาเขี้ยวสมุทรเป็นทีมที่มีแนวรุกอันตรายหลายคน และเกมรับเหนียวแน่น แต่ถ้าหากทีมรักษาวินัยของตัวเองไว้ได้ก็มั่นใจว่าเอาอยู่
“ส่วนเรื่องของการลุ้นแชมป์นั้นไม่ได้รู้สึกกดดัน มองกันไปทีละเกมมากกว่า ทำให้เต็มที่ทุกนัด แม้ว่าผลอาจจะไม่เป็นที่ต้องการแต่ก็ไม่ได้มีปัญหากับการเตรียมทีมในนัดต่อไป ตอนนี้ทีมหวัง 3 คะแนนในทุกนัด เก็บชัยชนะให้ได้มากที่สุด เพื่อจะเป็นแชมป์ให้ได้” นายปรัชญ์ กล่าวปิดท้าย
สำหรับโปรแกรมการแข่งขันคู่อื่นๆ วันที่ 10 สิงหาคม เวลา 17.45 น. เชียงใหม่ พบ ชลบุรี (ทรูเอชดี2) เวลา 18.00 น. ราชบุรี มิตรผล พบ พีทีที ระยอง (ทรู4ยู) เวลา 19.00 น. สุโขทัย พบ พีที ประจวบ (ทรูสปอร์ต7) เวลา 20.00 น. ทรู แบงค็อก พบ ชัยนาท ฮอร์นบิล (ทรูเอชดี3)
วันที่ 11 สิงหาคม เวลา 19.00 น. ตราด พบ บุรีรัมย์ (ทรูเอชดี3) นครราชสีมา มาสด้า พบ สุพรรณบุรี (ทรูสปอร์ต2)
