คณะผู้ตัดสินยัน’บุรีรัมย์’เล่นเร็วไม่ผิดกฎ แบนเปา’พีรทัศน์’คู่’ทัพบก-กูปรี’2เดือน

พล.ต.ท อำนวย นิ่มมะโน โฆษกสสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ และประธานคณะกรรมการพิจารณาวินัยและมารยาท เป็นประธานในการประชุมคณะกรรมการพิจารณาวินัยและมารยาท ที่สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม

ภายหลังจากการประชุม พล.ต.ท.อำนวย เปิดเผยว่า การประชุมในวันนี้ มีการพูดคุยกันถึงเรื่องของการทำหน้าที่ของผู้ตัดสิน โดยในส่วนของคู่ระหว่าง “ช้างขาวจ้าวเกาะ” ตราด เอฟซี กับ “ปราสาทสายฟ้า” บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม ที่ผ่านมา ผู้ตัดสินในเกมดังกล่าวคือ ชัยฤกษ์ งามสม ซึ่งมีจังหวะที่บุรีรัมย์นั้นเล่นเร็วจากฟรีคิกจนนำมาซึ่งประตูชัย ก่อนที่ทางตราดจะประท้วงอย่างหนัก ถึงขั้นไม่ยอมลงสนามต่อ

พล.ต.ท.อำนวย กล่าวว่า จริงๆ แล้วเรื่องนี้ทางผู้เสียหายอย่าง ตราด เอฟซี ไม่ได้ร้องเรียนเข้ามา แต่คณะกรรมการนำมาพิจารณาเพราะว่ามันเกิดที่วิพากษ์วิจารณ์กันอย่างแพร่หลายในโลกโซเชียล โดยทางคณะกรรมการฯ ได้ให้คณะกรรมการประเมินการทำหน้าที่ผู้ตัดสินมากำกับดูแลเรื่องนี้โดยเฉพาะว่าการที่บุรีรัมย์เล่นเร็วแล้วได้ประตูในจังหวะดังกล่าวนั้นถูกต้องหรือไม่ ผู้ตัดสินผิดพลาดหรือไม่

พล.ต.ท.อำนวย กล่าวต่อว่า ทางคณะกรรมการดังกล่าว มีความเห็นเป็นเอกฉันท์ว่าการเล่นเร็วในจังหวะดังกล่าว ไม่ได้เป็นการผิดกติกาแต่อย่างใด เพราะว่าลูกตั้งเตะถ้าจะใช้การเล่นเร็วเพื่อฉวยโอกาส ไม่จำเป็นจะต้องอยู่ในจุดที่เกิดเหตุเป๊ะ ส่วนที่บอกว่าบอลยังไม่นิ่งนั้น ก็ดูจากภาพช้าแล้ว ฝ่ายรุกนำบอลขยับจากจุดที่เปียกน้ำมายังจุดที่ไม่เปียก และบอลก็หยุดดีแล้ว

Advertisement

“ในจุดนี้มองว่าปกติเวลาเสียฟรีคิกฝ่ายรับเองก็ต้องระวังป้องกันเรื่องเล่นเร็วของฝ่ายรุกอยู่แล้ว ซึ่งการเล่นเร็วดังกล่าวก็ถูกต้องตามกติกา ดังนั้นอาจจะเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทางตราดเองก็ไม่ได้ร้องเรียนเข้ามา อย่างไรก็ตามทางคณะกรรมการพิจารณาวินัยและมารยาทจะเชิญตัวแทนของตราดมารับฟังคำชี้แจงของคณะประเมินผู้ตัดสินอีกครั้งหนึ่ง ส่วนผู้ตัดสินนั้นไม่มีการลงโทษเพราะไม่ได้ทำผิดอะไร”

โฆษกสมาคมฟุตบอลฯ กล่าวเสริมว่า การประชุมในวันนี้ยังได้มีการนำประเด็นของเกมระหว่าง อาร์มี่ ยูไนเต็ด กับ ศรีสะเกษ เอฟซี ในศึกไทยลีก 2 มาพิจารณากัน ซึ่งทางศรีสะเกษร้องเรียนเข้ามาจากกรณีที่ผู้ตัดสินพีรทัศน์ กิตติกาญจน์เมธี เป่าให้จุดโทษให้อาร์มี่ในช่วงท้ายครึ่งแรก ซึ่งหลังจากดูวิดีโอแล้วเป็นความผิดพลาดของผู้ตัดสินจริง จึงได้ลงโทษห้ามทำหน้าที่ 2 เดือนด้วยกัน

พล.ต.ท.อำนวย กล่าวปิดท้ายว่า ทางสมาคมฯ พยายามทำทุกอย่างให้เป็นกลางที่สุด จริงๆ แล้วการมาพิจารณาการทำหน้าที่ของผู้ตัดสินย้อนหลังนั้นไม่ค่อยมีประเทศไหนทำกัน เพราะผู้ตัดสินมีเวลาเล็กน้อยเท่านั้นในการตัดสินใจ แต่การทำเช่นนี้ก็เพื่อเป็นการพัฒนาผู้ตัดสินไปด้วย และทำให้เกิดความโปร่งใส ก็หวังว่าในช่วงท้ายฤดูกาล ทางสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) จะอนุมัติให้ใช้วิดีโอช่วยตัดสิน (วีเออาร์) ได้ เพื่อที่จะมาช่วยผู้ตัดสิน และทำให้หมดข้อครหาไป

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image