นายธเนศ พานิชชีวะ ประธานบริหารทีม “เข่ี้ยวสมุทร” สมุทรปราการ ซิตี้ ทำการเปิดตัว มาซาทาดะ อิชิอิ กุนซือชาวญี่ปุ่นขึ้นเป็นหัวหน้าผู้ฝึกสอนคนใหม่ของทีม ที่อาคารดับเบิลยูวัน ถ.พระราม 3 เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม
สำหรับมาซาทาดะ อิชิอิ เคยเป็นอดีตโค้ชของทีม คาชิม่า แอนท์เลอร์ส ช่วงปี 2015-2017 ซึ่งสามารถพาทีมคว้าแชมป์เจลีก คัพ ปี 2015 ก่อนที่ปี 2016 จะพาแอนท์เลอร์ส คว้าแชมป์เจลีก กับ เอ็มเพอเรอร์ส คัพ มาครองได้ในปีเดียวกัน และยังคว้ารองแชมป์การแข่งขันฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ 2016 ซึ่งนัดชิงชนะเลิศ เสมอกับ “ราชันชุดขาว” รีล มาดริด ใน 90 นาที 2-2 ก่อนจะแพ้ในช่วงต่อเวลาพิเศษ 2-4 จากนั้นปิดท้ายปี 2016 ด้วยการเป็นผู้จัดการทีมยอดเยี่ยมของเจลีก
ต่อมาในปี 2017 ได้ย้ายไปคุมทีมโอมิยะ อาร์ดิจา อยู่ 2 ฤดูกาล จนสุดท้ายได้เข้ามารับงานที่สมุทรปราการ ซิตี้ ในฤดูกาล 2020 โดยเป็นการเซ็นสัญญา 1 ปี พร้อมออปชั่นเพิ่ม 1 ปี
นายธเนศ กล่าวว่า สมุทรปราการนั้นเป็นทีมที่ใช้นักเตะไทยเป็นหลัก และมีแนวทางการทำทีมแบบเน้นทีมเวิร์ค ไม่เน้นพึ่งพานักเตะไทยคนใดคนหนึ่ง นอกจากนี้ยังหวังให้นักเตะไทยสามารถทดแทนนักเตะต่างชาติได้ จึงได้เน้นหากุนซือที่จะตอบโจทย์ตรงนี้ จนได้คุยกับ มาซาทาดะ อิชิอิ จนตอบตกลงที่จะมารับงานนี้ โดยทีมมีเป้าหมายที่จะต้องขึ้นไปติดท็อป 3 ในฤดูกาลหน้าให้ได้
ด้านอิชิอิ กล่าวว่า รู้สึกเป็นเกียรติอย่างมากที่ได้มารับงานนี้ ถือว่าเป็นการออกมาทำงานต่างประเทศเป็นครั้งแรกของตัวเอง ก็อยากที่จะสร้างทีมโดยนำเอาประสบการณ์ของตัวเองมาช่วยยกระดับทีม และทำตามหน้าที่ในการพาทีมสมุทรปราการขึ้นไปถึงจุดสูงสุดเท่าที่ทำได้
“ตอนนี้ผมเห็นนักเตะไทยไปทำผลงานได้ดีในเจลีกกันหลายคน ในทางกลับกันผมก็อยากจะให้คนญี่ปุ่นหันมาสนใจฟุตบอลไทยมากขึ้นเช่นเดียวกัน”
อดีตกุนซือรองแชมป์โลก กล่าวต่อว่า ตอนที่คุมทีมคาชิม่า แอนท์เลอร์ส นั้น เคยเดินทางมาเก็บตัวที่ประเทศไทย และเคยอุ่นเครื่องกับสโมสรในไทยมาแล้ว เท่าที่เห็นคือฟุตบอลไทยนั้นเป็นฟุตบอลที่เน้นเกมรุกมากกว่าเกมรับ
ผู้สื่อข่าวสอบถามว่าจะมีการนำนักเตะญี่ปุ่นเข้ามาเสริมทีมหลายคนหรือไม่ อิิชิอิ ตอบว่า เป้าหมายของทีมนั้นพยายามจะสร้างทีมที่เน้นนักเตะไทย แต่ก็คงจะต้องนำนักเตะต่างชาติเข้ามาเสริมเพื่อคอยประคองทีมไว้บ้าง แต่จะไม่กำหนดว่าต้องเป็นนักเตะญี่ปุ่นเท่านั้น
อิชิอิ กล่าวเสริมว่า ก่อนเดินทางมาได้่มีการพูดคุยกับ มาซาฮิโระ วาดะ ที่เคยมาทำงานที่เมืองไทย ก็ได้สอบถามถึงการทำงานต่างๆ ต้องเตรียมตัวอะไรเป็นพิเศษบ้างเท่านั้น
“ตอนสมัยที่คุมทีมอยู่คาชิม่าถูกกดดันด้วยเป้าหมายที่จะต้องเป็นแชมป์ในทุกฤดูกาลอยู่แล้ว ดังนั้นเรื่องนี้ถือว่าเป็นเรื่องปกติ จะพยายามพาทีมไปยังจุดนั้นให้ได้ แต่ก็คงต้องใช้เวลาในช่วงแรกเพื่อปรับตัวสักหน่อย” กุนซือแดนปลาดิบ กล่าวปิดท้าย
