‘นิชิโนะ’รับแข้่ง ‘ช้างศึกหนุ่ม’ หมดแรงเพราะโดนปะทะหนัก ยังหวังผ่านรอบแบ่งกลุ่มได้

หลังจากที่ “ช้างศึกหนุ่ม” ทีมฟุตบอลทีมชาติไทย รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี พ่ายให้กับ “ซอคเกอร์รูส์” ออสเตรเลีย 1-2 ในศึกฟุตบอลชิงแชมป์เอเชีย 2020 รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี รอบแรก กลุ่มเอ นัดที่ 2 ที่ราชมังคลากีฬาสถาน เมื่อวันที่ 11 มกราคม

อากิระ นิชิโนะ หัวหน้าผู้ฝึกสอนไทย ชาวญี่ปุ่น กล่าวว่า ทีมนั้นสู้อย่างเต็มที่แล้วและนักเตะทุกคนก็สู้อย่างสุดความสามารถ ครึ่งแรกเราพยายามใช้จุดเด่นการเล่นบนพื้น ออกบอลให้เร็ว และทำได้ดีในครึ่งแรก แต่สิ่งที่ไทยเป็นรองคือเรื่องสภาพร่างกาย พอโดนปะทะบ่อยๆ เลยทำให้ไม่สามารถยืนระยะอยู่ได้ 90 นาที ครึ่งหลังเราวิ่งแซงคู่ต่อสู้ไม่ได้เลย ซึ่งต้องมาปรับปรุงกันต่อไปว่าถ้าเจอสไตล์แบบนี้จะรับมืออย่างไร

นิชิโนะ กล่าวต่อว่า การที่คง 11 ผู้เล่นตัวจริงไว้ก็เพราะทุกคนเข้าใจในเกมดี และไม่มีใครเจ็บหรือล้า จึงได้ยึดชุดนี้ไว้ แต่อาการบาดเจ็บนั้น ตอนวอร์มมีสุภโชค สารชาติ ที่ตึงที่กล้ามเนื้อ แต่สุดท้ายเล่นไหว ส่วนศุภชัย ใจเด็ด กับ ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา ต้องรอดูอาการอีกครั้ง ล่าสุดยังคงมีอาการบาดเจ็บเล็กน้อย

“สิ่งที่ไทยขาดก็คือคนคุมจังหวะเกม ว่าถ้านำอยู่ต้องทำอย่างไร เสมอทำอย่างไร หรือตามอยู่ต้องเล่นแบบไหน เราพยายามเตือนให้ครองบอลไว้ก่อน แต่ก็มีหลุดไปบ้าง ทีมไทยนั้นยังขาดประสบการณ์ซึ่งต้องพัฒนาเรื่องนี้ต่อไป”

Advertisement

“สำหรับสถานการณ์ตอนนี้ ทุกคนสู้กันได้อย่างเต็มที่ ยิ่งผ่านไปเท่าไหร่แต่ละเกมก็จะยิ่งมีความสำคัญมากขึ้น อันดับแรกเราต้องโฟกัสที่การผ่านรอบแบ่งกลุ่มให้ได้ก่อน นัดต่อไปก็จะเลือกผู้เล่นที่ร่างกายพร้อมที่สุด”

“ตั้งแต่ซีเกมส์จนถึงตอนนี้เรามีการเปลี่ยนแปลงผู้เล่นและได้รู้จักกับนักเตะมากขึ้น ยอมรับว่าแนวรุกรุ่นนี้มีอนาคตที่ดี ส่วนแนวรับต้องแก้ไข เราพยายามสร้างบอลเกมรุกทั้งชุดใหญ่และชุดยู-23 ถือว่ามีการช่วยเหลือกันที่ดี ส่วนแนวรับมันพัฒนาได้ยาก แต่ก็จะให้ทุกคนช่วยเหลือกัน และจะทำแบบนี้ไปทั้งชุดใหญ่และยู-23”

ด้าน เกรแฮม อาร์โนลด์ เฮดโค้ชออสเตรเลีย กล่าวว่า เราเล่นกันได้ดีแต่ 10 นาทีสุดท้ายไม่ดีเท่าไหร่ ยังดีที่สามารถเรียกฟอร์มกลับมาจนเอาชนะได้ในครึ่งหลัง ต้องชมผู้เล่นทั้งสองทีมว่าแข็งแกร่งทั้งคู่ รวมถึงแฟนบอลทีมชาติไทยวันนี้เชียร์ได้ดีมาก ซึ่งลูกทีมของเขาก็รับมือได้ดีเช่นกัน

Advertisement

โปรแกรมนัดสุดท้ายในรอบแรก ไทยจะพบกับ อิรัก ที่ราชมังคลากีฬาสถาน ส่วนออสเตรเลีย จะพบกับ บาห์เรน ที่สนามม.ธรรมศาสตร์ รังสิต ในวันที่ 14 มกราคม เวลา 20.15 น.

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image