เมื่อวันที่ 29 มกราคม ที่โรงแรมโกลเด้นทิวลิป ซอฟเฟอริน “ทนายอ๊อด” ภีมเดช อมรสุคนธ์ หนึ่งในผู้สมัครกรรมการกลางของทีม “บิ๊กอู๊ด” ดร.ภิญโญ นิโรจน์ ในฐานะผู้ได้รับมอบอำนาจจาก บริษัท ลูกอีสานพัทยาฟุตบอลคลับ(พัทยา8) จำกัด ได้แถลงข่าวกรณียื่นฟ้อง พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ กับพวก ข้อหาจัดการทรัพย์สินผู้อื่นที่ได้รับมอบหมายโดยทุจริต
ทนายอ๊อดกล่าวว่า จากเมื่อปี 2559 พล.ต.อ.สมยศ ได้ประกาศหาบริษัทเข้ามาบริหารสิทธิประโยชน์ของสมาคมฯ และไทยลีก โดยมีคุณสมบัติข้อสำคัญคือผู้ยื่นประมูลต้องมีหนังสือค้ำประกันของธนาคารพาณิชย์ มูลค่าไม่น้อยกว่าวงเงินประกันขั้นต่ำต่อปี หรือแบงก์การันตี ก่อนจะได้ บริษัท แพลน บี มีเดีย จำกัด เข้ามาดูแลสิทธิประโยชน์ แต่ข้อมูลที่ได้รับจาก พล.ต.ท.พิสัณห์ จุลดิลก อดีตเลขาธิการสมาคมฯ พบว่า หนังสือค้ำประกันที่แพลนบีต้องให้ยื่นแก่สมาคมฯจำนวน 250 ล้านบาท และของไทยลีก 260 ล้านบาท รวม 510 ล้านบาทต่อปี กลับพบว่าไม่มีการยื่นให้กับสมาคมฯไว้เลยนอกจากนี้ ในการทำสัญญาทางสมาคมฯต้องจ่ายเงินให้เปล่าแก่แพลนบีจำนวน 22.5 เปอร์เซ็นต์ หรือคิดเป็น 136 ล้านบาท
การกระทำนี้ถือว่าทำให้สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ต้องแบกรับความเสี่ยงจากความเสียหาย หากการดำเนินการของผู้ดูแลสิทธิประโยชน์เกิดความผิดพลาด รวมถึงการนำเงินให้เปล่าไปมอบแพลนบีทั้งที่ไม่มีการยื่นแบงก์การันตีจึงทำให้สโมสรสมาชิกต้องเสียประโยชน์จากเงินที่พวกเขาควรจะได้ จึงได้เป็นตัวแทนยื่นฟ้อง พล.ต.อ.สมยศ และทีมงาน ไปที่ศาลแขวงพระนครใต้ไปเมื่อวันที่ 21 มกราคมที่ผ่านมา และจะมีการนัดไต่สวนในวันที่ 28 เมษายน
ทนายอ๊อดกล่าวอีกว่า หลังจากนี้ยังมีเรื่องราวฟ้องร้อง พล.ต.อ.สมยศอีกหลายเรื่อง ทั้งการขึ้นเงินเดือนตัวเอง 1 ล้านบาท จากสมาคมฯและไทยลีก และยังมีนำเงินไปจ่ายตอบแทนให้อุปนายกกับสภากรรมการบางคน นอกจากนี้ข้อมูลจากคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช) พบว่า พล.ต.อ.สมยศ สำแดงว่ารับเงินจากสมาคมฯ 3 ล้านบาท แต่ข้อมูลที่ได้มาบอกว่าได้ 6 ล้านบาท แสดงว่าข้อมูลเป็นเท็จ แถมยังมีการจัดตั้ง บริษัท ไทยลีก แบบผิดกกฎหมายอีก
หวังว่า พล.ต.อ.สมยศจะได้เป็นนายกอีกสมัย เพราะว่ายังมีเรื่องฟ้องอีกมากมาย และขอยืนยันว่าการออกมาครั้งนี้ไม่ใช่ตัวแทนของใคร เพราะที่ผ่านมาก็เคยฟ้องร้อง “บังยี” วรวีร์ มะกูดี อดีตนายกสมาคมฯ มาแล้ว
