สมาคมฟุตบอลรอรัฐบาลเคาะให้นักเตะตรวจโควิดก่อนเตะหรือไม่?
จากกรณีที่สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อยกร่าง ปรับปรุง แก้ไข ระเบียบการแข่งขันให้เหมาะสมกับสถานการณ์ช่วงโควิด-19 โดยมี “บิ๊กอ๊อด” พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ เป็นประธานคณะกรรมการดังกล่าวนั้น
นายพาทิศ ศุภะพงษ์ รักษาการเลขาธิการสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ เปิดเผยว่า สมาคมฯ ในฐานะผู้จัดการแข่งขัน จะต้องมีการเตรียมแผนงานในการกลับมาดำเนินการแข่งขันอีกครั้ง เพื่อจะนำเสนอให้กับศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. โดยจะมีการเชิญตัวแทนจากสมาคมฯ, บริษัท ไทยลีก, สโมสรสมาชิก, แพทย์ และกระทรวงสาธารณสุข เข้ามาเป็นคณะกรรมการ ซึ่งจะมีการประชุมกันในวันที่ 5 มิถุนายนนี้
นายพาทิศ กล่าวต่อว่า ขณะเดียวกันทางสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) ได้ออกคู่มือถึงแนวทางในการกลับมาฝึกซ้อมรวมถึงจัดการแข่งขัน ในมุมมองของแพทย์กีฬาฟุตบอล ก็จะนำในส่วนนี้เข้าไปหารือกันด้วย ว่าจะนำเรื่องใดมาปรับใชบ้าง
รักษาการเลขาสมาคมฟุตบอลฯ กล่าวเสริมว่า ในกรณีที่ศบค. นั้นปลดล็อคให้มีการฝึกซ้อม แต่ไม่มีการแข่งขัน และมีผู้ร่วมกิจกรรมไม่เกิน 10 คน (ไม่รวมผู้เล่น) ก็ยังคงต้องรอคำอธิบายอย่างละเอียดอีกครั้ง เพราะแต่ละสโมสรเองมีรูปแบบการซ้อมที่ไม่เหมือนกัน ทางสมาคมฯ คงไม่สามารถไปกำหนดได้ว่าจะให้ซ้อมกันอย่างไร ได้แค่ให้แนวทางคร่าวๆ ที่จะปฏิบัติหรือไม่ปฏิบัติตามก็ได้ ยกเว้นมาตรการของสาธารณสุขที่ต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด
ผู้สื่อข่าวได้สอบถามถึงกรณีที่มีบางสโมสรนั้นเรียกร้องให้มีการตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19 ให้กับนักเตะทุกคน ก่อนที่จะกลับมาทำการแข่งขันกัน ซึ่งนายพาทิศ กล่าวว่า ต้องรอดูมาตรการจากหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องก่อนว่าเป็นอย่างไร ตอนนี้หลายประเทศนั้นมีมาตรการที่รัฐบาลเป็นคนกำหนด ว่าการจะกลับมาแข่งขันต้องทำอย่างไรบ้าง จะป้องกันไม่ให้เกิดโรคระบาดอย่างไร ในส่วนของประเทศไทย ยังไม่สามารถกลับมาทำกิจกรรมแข่งขันได้ ดังนั้นยังเร็วเกินไปที่จะบอกว่าต้องมีมาตรการเข้มข้นขนาดไหน
“นโยบายเหล่านี้สมาคมฯ ไม่ใช่ผู้กำหนด จะเป็นนโยบายและข้อกำหนดของรัฐในช่วงนั้นๆ ณ ตอนนี้เรายังไม่รู้ว่าฟุตบอลจะกลับมาแข่งขันกันได้เมื่อไหร่ แต่เชื่อว่าถ้ามีการผ่อนคลาย ให้กลับมาแข่งขันได้ ก็จะมีข้อกำหนดและนโยบายออกมาอีกครั้งหนึ่ง เมื่อถึงเวลานั้นค่อยมาชี้แจงกันอีกครั้ง”
