‘โค้ชโจ’ มั่นใจ ‘สวาดแคท’ มีทีเด็ดรับมือ ‘บีจี’ รับงง ‘เฉลิมพงษ์’ ไร้ชื่อติดทีมชาติ

‘โค้ชโจ’ มั่นใจ ‘สวาดแคท’ มีทีเด็ดรับมือ ‘บีจี’ รับงง ‘เฉลิมพงษ์’ ไร้ชื่อติดทีมชาติ

“โค้ชโจ” นายธีรศักดิ์ โพธิ์อ้น หัวหน้าผู้ฝึกสอน “สวาดแคท” นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี และ ออเรลิโอ วิดมาร์ เฮดโค้ช “เดอะ แรบบิท” บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ร่วมแถลงข่าวความพร้อมก่อนเกม “รีโว่ ไทยลีก 2021/22” นัดที่ 12 ของฤดูกาล

โดยเกมระหว่าง “สวาดแคท” นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี กับ “เดอะ แรบบิท” บีจี ปทุม ยูไนเต็ด จะแข่งขันกันในวันที่ 10 พฤศจิกายน เวลา 18.00 น. ที่สนามกีฬาเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา ถ่ายทอดสดทาง ททบ. 5 และแอพลิเคชั่นเอไอเอสเพลย์

โค้ชโจ กล่าวว่า “เกมที่แล้วเป็นเกมที่ดีเกมหนึ่ง ทั้งวิธีการ ความเชื่อมั่น ก็ถือเป็นทิศทางที่ดีของเรา กับเกมที่จะเจอกับบีจี เราต้องยอมรับว่าพวกเขาเป็นทีมใหญ่ เป็นเต็งแชมป์ทีมหนึ่ง เราดูพวกเขาเล่นมาตลอด ทั้งจุดอ่อนจุดแข็ง รวมถึงวิธีการเล่น และนักเตะต่างชาติที่เป็นกองหลังอย่างตูเญซ กับคาร์โดโซ่ ที่กลับมาแล้ว พวกเขาแข็งแกร่งจริงๆ แต่ผมเชื่อว่าเกมในบ้านของเรา เราก็มีวิธีการเล่นของเราในการจัดการพวกเขา เราเคารพบีจี แต่ผมเชื่อว่าเราสามารถมีเกมที่ดีในวันพุธนี้ได้”

“เราทราบกันดีว่าเรามีการเปลี่ยนนักเตะต่างชาติหลายราย ต้นฤดูกาลพวกเขาอาจยังปรับตัวกันได้ไม่ดีนักจนโดนคำวิจารณ์ แต่ต้องให้ความเป็นธรรมกับพวกเขา เพราะพวกเขามาลีกไทยเป็นครั้งแรก ซึ่งต้องปรับตัว บวกกับสถานการณ์โควิดที่ทำให้พวกเขาได้ซ้อมไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย พอลีกเริ่มจริงๆ ก็เหมือนเป็นเกมเรียกความฟิตของพวกเขามากกว่า และด้วยสไตล์การเล่นที่เขายังต้องปรับตัวเข้าหาทีมอีก แต่มันก็ดีขึ้นเรื่อยๆ เกมล่าสุดพวกเขาทำผลงานได้ดี แต่ผมก็บอกให้พวกเขารักษาการทำงานหนักไว้ เพราะฤดูกาลนี้ยังอีกไกล”

Advertisement

“เรื่องผลการแข่งขันที่ผ่านมา ส่วนนี้เป็นเรื่องของความเชื่อมั่น ผมต้องบอกเด็กว่าเกมกับท่าเรือมันจบไปแล้ว เราต้องมาโฟกัสในการเจอบีจี ปีที่แล้วเราเจอบีจี แล้วแพ้ไปกลับ แต่หากดูรายละเอียดของเกม เราสู้ได้ดีทั้งสองเกม แต่มันมีจุดพลิกผันเยอะ เกมแรกที่สนามเรา เราได้จุดโทษก่อน แต่อัสซัมเซาก็พลาดไป แล้วเราก็โดนยิง ส่วนเกมที่บ้านบีจี เราเปิดเกมแลกได้ดี แต่ก็แพ้ไปลูกหนึ่ง ผมว่าเราสู้ได้ แต่ต้องยอมรับว่าช่วงนี้บีจีกำลังมา พวกเขาชนะ 5 เกมรวด พวกเขามั่นใจ และนักเตะหลักๆ เริ่มกลับมา พวกเขาคงได้ลุ้นแชมป์ไปยาวๆ แต่โคราชได้เล่นในบ้าน ด้วยความมั่นใจที่มี และมีแฟนบอลที่ผมว่ามีผลต่อผลการแข่งขันมาก ผมก็ยังเชื่อมั่นว่านี่จะเป็นที่สนุกครับ บีจียังแข็งแกร่ง แต่ทุกทีมก็มีจุดแข็งและจุดอ่อน และเราต้องหาวิธีมารับมือพวกเขาให้ได้ครับ”

“ส่วนนักเตะที่บาดเจ็บหลังจบเกมกับท่าเรือ ก็มี ณัฐชัย ที่บาดเจ็บที่ข้อเท้ากับเอ็น หลังเอ็กซ์เรย์มา รวมถึงธิติ ที่มีศีรษะแตกจนต้องเย็บ 6 เข็ม ต้องรอดูว่าเขาไหวไหม ส่วนซาฮาเน็ค ที่หายไปหลายเกม เราต้องดูว่าเขาจะกลับมาฟิตทันเกมนี้ไหม แต่นอกจากนี้ก็ไม่มีใครเจ็บหรือติดโทษแบนครับ”

“เรื่องนักเตะในทีมที่ถูกเรียกไปทีมชาติ ผมอยู่กับลูกทีมผมทุกวัน ผมก็คิดว่าน่าจะมีนักเตะติดทีมชาติมากกว่านี้ แน่นอนว่า อาแว (อับดุลฮาฟิส) ควรติด เพราะเจ้าตัวผลงานดี และมีฟอร์มสม่ำเสมอในปีนี้ แต่เฉลิมพงศ์เอง เขาอาจอายุเยอะ แต่เขาจะมีประโยชน์หากเรียกไปช่วยทีมชาติแน่ หากเอาแค่ผลงานมาว่ากัน ผมมองว่าเขามีผลงานที่ดีในปีนี้ รวมถึงปีที่แล้ว และมีฟอร์มสม่ำเสมอ”

Advertisement

“ท้ายที่สุดแล้วการเป็นโค้ชทีมชาติ ผมว่าควรดูว่าใครฟอร์มดีต่อเนื่องในลีกครับ บางคนไม่ค่อยได้เล่นในลีก แต่กลับมีชื่อติดทีมไป อาจเป็นเพราะชื่อเสียงเก่าๆ ผมว่าโค้ชทีมชาติควรมองจากฟอร์มปัจจุบัน ทัวร์นาเมนต์นี้เป็นทัวร์นาเมนต์ที่เราต้องการแชมป์ ใครที่ดีที่สุดก็ควรจะได้ติดทีมไปครับ แต่ผมก็เคารพการตัดสินใจของมาโน่ เขาอาจมีตัวเลือกที่ดีกว่า แต่หากถามผล เฉลิมพงษ์ หรือ ณัฐพงษ์ ควรมีชื่อติดไปในรอบแรกสักหน่อยครับ”

“ส่วนเรื่องโปรแกรมทีมชาติ ผมมองว่าหากเราจะตามสากลจริงๆ เราก็อาจจะมีเวลาน้อย แต่พวกชาติในยุโรปก็ไม่ได้เรียกนักเตะเข้าแคมป์ เพราะนักเตะมีความฟิตจากเกมลีกอยู่แล้ว แล้วโค้ชก็จะเลือกผู้เล่นที่เข้าระบบไป เพราะมีทั้งความฟิต และความสม่ำเสมอในการเล่น แล้วก็อาจมีการลงรายละเอียดในเรื่องแท็คติกนิดหน่อยครับ สำหรับผมการเก็บตัว 10-20 วันมันไม่จำเป็นแล้วครับ”

“ช่วง 4 เกมหลังที่เราชนะมา ซาฮาเน็คก็ไม่ได้เล่นเพราะบาดเจ็บ แต่ผมก็มีการหมุนเวียนทั้งผู้เล่น และแท็คติกในเกมนั้นๆ ต้องยอมรับว่านักเตะที่ลงไปทำได้ ซึ่งผมมองจากการที่เราชนะ 4 เกมรวดทั้งในลีก และเอฟเอ คัพ ผมก็ไม่ได้กังวลนักหากซาฮาเน็คยังกลับมาไม่ได้”

“ส่วนการเจอบีจี ผมคงไม่โฟกัสกับใครคนใดคนหนึ่ง เพราะนักเตะพวกเขาทุกคนมีคุณภาพ สามารถตัดสินเกมได้ ทั้งจากโอเพ่นเพลย์ และเซ็ตพีซของพวกเขาที่มีความอันตราย เรื่องของเกมรับต้องไม่โฟกัสแค่กองหลัง หรือผู้รักษาประตู เราต้องเล่นเกมรับเป็นทีม และเกมรุกเป็นทีม และผมคงต้องบอกถึงแผนการรับมือพวกเขา แต่เกมในบ้าน เรื่องของเสียงเชียร์และความเชื่อมั่นจะทำให้เกมมันสนุก แต่หากเราเตรียมทีมมาไม่ดีพอ เราก็อาจโดนพวกเขาลงโทษได้ เราต้องปิดจุดแข็งพวกเขา และโจมตีจุดอ่อนให้ได้”

“เกมกับบีจี เราก็อยากให้แฟนบอลเข้ามาเชียร์เยอะๆ ด้วยเงื่อนไขการเข้าดู แม้จะให้เข้า 25 เปอร์เซ็นต์ แต่แฟนบอลก็ยังมาน้อยไปสักหน่อยสำหรับผม แต่ในเกมกับท่าเรือ แฟนบอลเข้ามาเกือบ 2,000 คน ก็ถือว่าเยอะที่สุดตั้งแต่มีโควิด แต่ในเกมนี้ผมอยากให้มาเยอะกว่านั้น เพราะจะช่วยผลักดันนักเตะให้สู้จนนาทีสุดท้าย รวมถึงแชร์ความสุขร่วมกันได้ ผมเชื่อนี่จะเป็นเกมในบ้านที่ดีอีกเกมของเราครับ”

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image