‘มาโน่’ กระตุ้นลูกทีมห้ามประมาทนัดสอง แม้ถล่ม ‘อิเหนา’ เกมแรก 4-0
หลังจากที่ “ช้างศึก” ทีมฟุตบอลทีมชาติไทย ถล่มเอาชนะ “อิเหนา” อินโดนีเซีย ไปได้ก่อนถึง 4-0 ในเกมนัดแรกของ “เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2020” รอบชิงชนะเลิศ ที่สิงคโปร์ เนชั่นแนล สเตเดียม เมื่อวันที่ 29 ธันวาคม
มาโน่ โพลกิ้ง หัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชาติไทย กล่าวว่า เป็นชัยชนะที่ยอดเยี่ยมของทีมและต้องขอยกเครดิตทั้งหมดให้กับลูกทีมทุกคน เกมวันนี้ทีมเปลี่ยนระบบการเล่นมาใช้ 4-2-3-1 เพื่อป้องกันเกมด้านข้างของอินโดนีเซีย ซึ่งการวางแผนการเล่น หรือเลือกผู้เล่นที่ลงไป ถ้าผู้เล่นแสดงออกมาอย่างที่หวังไม่ได้มันก็ไม่ได้ผล แต่วันนี้ทุกคนทำได้ตามแผนตั้งแต่ต้นจนจบ การเปลี่ยนตัวที่เสี่ยงคือการถอดเอเลียส ดอเลาะที่เจ็บออกแล้วถอยวีระเทพ ป้อมพันธุ์ ลงไปเล่นเซนเตอร์แบ๊กแทน เพื่อต้องการคุมเกมและครองบอลให้ได้ ถึงจะเสี่ยงแต่มันก็ได้ผล และทำให้เป็นชัยชนะที่สมบูรณ์แบบ
“ส่วนตัวแล้วรู้สึกเป็นเกียรติอย่างมากที่ได้คุมผู้เล่นชุดนี้ทั้งหมด ทุกคนเป็นผู้เล่นที่ยอดเยี่ยมมากๆ แต่ทีมชาติไทยยังไม่สามารรถฉลองได้แม้ว่าทุกอย่างจะอยู่ในมือ ยังเหลืออีกเกมที่จะต้องเล่นเป็นมืออาชีพ และคว้าแชมป์ให้ได้”
เฮดโค้ชชาวบราซิเลี่ยน กล่าวต่อว่า ตนมีเวลาเข้ามาทำงานไม่นาน และหลายคนก็ไม่ได้มีความเชื่อมั่นในตัวเองมากเท่าไหร่ แต่สิ่งที่ชัดเจนคือมีความมั่นใจในแนวทางการทำทีม มั่นใจในตัวผู้เล่นที่มาทุกคน เรารู้ว่าทุกคนที่เลือกมานั้นมีคุณภาพพอและสามารถคว้าแชมป์ได้ แต่มันยังไม่จบ แม้ว่าตอนนี้มือหนึ่งจะจับที่ถ้วยไว้แล้ว มีความได้เปรียบแล้วก็จริง แต่ต้องย้ำว่าทุกอย่างยังไม่จบ ยังเหลืออีกหนึ่งเกมและยังดีใจไม่ได้
มาโน่ ยังพูดถึง “มาดามแป้ง” นางนวลพรรณ ล่ำซำ ด้วยว่า เป็นส่วนสำคัญของความสำเร็จของทีมชาติไทย เป็นคนรักฟุตบอลและมีพาวเวอร์อย่างมากในการเป็นตัวกลางที่คอยคุยกับสโมสรให้ อย่างที่รู้กันว่าทีมชุดนี้ไม่ได้มีเวลาซ้อมมาก แต่เพราะมาดามแป้งจึงทำให้ได้ผู้เล่นชุดที่ดีที่สุดมาทั้งจากสโมสรในประเทศและสโมสรต่างประเทศ
มาโน่ กล่าวปิดท้ายว่า สำหรับนัดที่สอง ตอนนี้ยังไม่ได้คิดว่าจะจัดผู้เล่นอย่างไร แม้แต่เจนภพ โพธิ์ขี ที่ยังไม่เคยลงเล่นในทัวร์นาเมนต์นี้เลย แต่ต้องบอกว่าเจนภพนั้นทำในการซ้อมได้ดีมากๆ ทว่าการแข่งขันยังไม่จบ เราเคยเห็นทีมระดับโลก ในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ที่นำมาก่อน 4 ประตูแล้วพลิกกลับมาแพ้ในเกมที่สองได้ ดังนั้นเราจะไม่ประมาท จะมีสมาธิตั้งแต่นาทีแรก ไม่เปิดโอกาสให้อินโดนีเซียสามารถกลับมาได้ในเกมที่สองอย่างแน่นอน
ด้านสุภโชค สารชาติ แมนออฟเดอะแมตช์ในเกมนี้ กล่าวว่า การเข้ามาของมาดามแป้งนั้นทำให้บรรยากาศในทีมมีความครึกครื้นและผ่อนคลาย รวมถึงการนำมาโน่เข้ามาเป็นโค้ชที่เหมาะกับทีมชาติไทยอย่างมาก รู้ว่านักเตะไทยเล่นแบบไหน ทำให้ทีมชาติไทยตอนนี้อยู่ในฟอร์มที่ดี ต้องขอบคุณมาดามแป้งที่นำมาโน่เข้ามาจริงๆ
ทั้งนี้ ทีมชาติไทย จะลงเล่นเกมนัดชิงชนะเลิศ นัดที่สอง กับอินโดนีเซีย ที่สิงคโปร์ เนชั่นแนล สเตเดียม ในวันที่ 1 มกราคม พ.ศ.2565 เวลา 19.30 น. ถ่ายทอดสดทางช่อง 7 เอชดี (หมายเลข 35) และแอพลิเคชั่นเอไอเอสเพลย์
