ลิขสิทธิ์ไทยลีกเหลือ 50 ล้านบาท – สโมสรชงโมเดลแยกไทยลีก1 หารายได้เอง

ลิขสิทธิ์ไทยลีกเหลือ 50 ล้านบาท – สโมสรชงโมเดลแยกไทยลีก 1 หารายได้เอง

“บิ๊กแชมป์” นายกรวีร์ ปริศนานันทกุล รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยลีก จำกัด พร้อมด้วย “เลขาโจ” นายพาทิศ ศุภะพงษ์ เลขาธิการสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ร่วมเป็นตัวแทนประชุมกับสโมสรเพื่อหารือเรื่องของลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดฟุตบอลลีกฤดูกาล 2023/24 ที่สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ​ เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน

ในการประชุมครั้งนี้ บริษัท ไทยลีก ได้เน้นย้ำให้แต่ละสโมสรส่งตัวแทนที่มีอำนาจในการตัดสินใจมาร่วมประชุม ทำให้ในการประชุมครั้งนี้ประธานสโมสรของหลายทีมได้เดินทางมาร่วมประชุมด้วยตัวเอง ไม่ว่าจะเป็น นายเนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด, นายปวิณ ภิรมย์ภักดี ประธานสโมสรบีจี ปทุม, นางนวลพรรณ ล่ำซำ ประธานสโมสรการท่าเรือ รวมถึง นายมิติ ติยะไพรัช ประธานสโมสรลีโอ เชียงราย เป็นต้น อย่างไรก็ดี “บิ๊กอ๊อด” พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคม กลับไม่ได้เข้าประชุมด้วยตัวเอง

ผู้สื่อข่าวได้รับรายงานว่า ในที่ประชุมนั้นได้มีการพูดถึงลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดที่มีผู้เสนอมาไม่เป็นไปตามเป้าที่ตั้งเอาไว้ โดยมีการเผยว่ามีบริษัทหนึ่งยื่นประมูลลิขสิทธิ์ฟุตบอลไทยแบบครบวงจรแค่ 50 ล้านบาทเท่านั้น จึงทำให้เกิดการเสนอแนวความคิดที่ 16 ทีมในไทยลีกจะออกมาตั้งบริษัทใหม่เพื่อดูแลสิทธิประโยชน์ด้วยตัวเอง คล้ายกับที่พรีเมียร์ลีก อังกฤษ เคยทำ ซึ่งในที่ประชุมมีทั้งผู้ที่เห็นด้วย และเห็นด้วยแบบมีเงื่อนไข รวมถึงยังมีบางทีมที่ไม่แสดงท่าทีใดๆ

Advertisement

ภายหลังการประชุม นายกรวีร์เปิดเผยว่า การประชุมในวันนี้ได้เชิญสโมสรเข้ามาหารือการจัดการแข่งขันฤดูกาลใหม่ และให้ทราบสถานการณ์การประมูลลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดที่ไม่เป็นไปตามเป้าที่ตั้งไว้และกระทบกับทีมที่เข้าร่วมแข่งขัน จึงเชิญมาแจ้งและรับฟังข้อเสนอแนะเพื่อให้ลีกได้เดินหน้าต่อ

“ในข้อเสนอแนะจากเสียงส่วนใหญ่ของ 16 ทีม คือการให้แต่ละสโมสรได้เข้ามาจัดการแข่งขันและหาสิทธิประโยชน์สำหรับฤดูกาลที่จะมาถึงเอง ในข้อสรุปของสโมสรจากที่ประชุมก็จะนำไปเสนอสู่นายกสมาคม และสภากรรมการที่จะมีการประชุมในวันที่ 3 กรกฎาคมนี้”

Advertisement

นายกรวีร์กล่าวต่อว่า ทั้ง 16 ทีมจะเข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นร่วมกับสมาคมเพื่อบริหารสิทธิประโยชน์ การจัดการแข่งขัน อาจจะมีการตั้งทีมบริหารขึ้นมาเพื่อทำการแข่งขัน แต่ยังไม่ได้มีการพูดคุยลงรายละเอียดกัน แค่เสนอในหลักการเท่านั้น

ผู้สื่อข่าวสอบถามว่าการทำแบบนี้จะทันกับฟุตบอลลีกที่จะเปิดฤดูกาลในเดือนสิงหาคมหรือไม่นั้น นายกรวีร์กล่าวว่า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในเดือนสิงหาคมนี้จะต้องมีฟุตบอลแข่งขันอย่างแน่นอน เพราะไม่งั้นจะส่งผลกระทบต่อทุกองคาพยพของวงการฟุตบอลไทย เรื่องการแข่งขันกับสิทธิประโยชน์มันคนละส่วนกัน ทางไทยลีกและสมาคมมีการเตรียมเพื่อให้มีสัญญาณการถ่ายทอดสดอยู่แล้ว เหลือแค่ใครจะเป็นผู้รับสัญญาณนั้นไปถ่ายทอดสดเท่านั้น นั่นคือสิ่งที่ยังไม่ได้รับข้อสรุป

จากประเด็นที่ว่ามีผู้ยื่นประมูลลิขสิทธิ์ฟุตบอลไทยด้วยเงินเพียง 50 ล้านบาทนั้น “เลขาโจ” นายพาทิศกล่าวว่า มีผู้เสนอมามูลค่าแตกต่างกัน ทั้งราคาที่กล่าวมาก็มีจริง และจำนวนที่มากกว่า และยังมีแพคเกจที่แยกระหว่างบอลลีกกับทีมชาติอีก ซึ่งทุกอย่างยังอยู่ในขั้นตอนการเจรจา เนื่องจากเราไม่สามารถยอมรับเงื่อนไขนี้ได้ จึงต้องเรียกมาคุยกันว่าจะทำอย่างไร อาจจะมองหาข้อเสนออื่นๆ จากบริษัทอื่นที่สนใจอยากเจรจาโดยตรง หรือใช้ไอเดียและหลักการที่สโมสรเสนอเข้ามาได้

นายพาทิศกล่าวต่อว่า ไอเดียและหลักการที่เสนอมานั้นที่จะมาหาสิทธิประโยชน์กับผู้ถือลิขสิทธิ์เอง เนื่องจากสโมสรมองว่าปัจจุบันถ้าไปขึ้นกับแพลตฟอร์ม หรือสถานีใดๆ มันกลายเป็นขึ้นอยู่กับคนอื่น แต่ถ้าเราถ่ายทอดสดเอง มีแพลตฟอร์มของตัวเองก็ต่างไปจากเดิมที่รอผู้ซื้อลิขสิทธิ์ไป ซึ่งเรื่องการหารายได้เป็นเรื่องท้าทายที่ต้องศึกษา มันมีโมเดลจากต่างประเทศอยู่ เราไม่อยากให้พึ่งนโยบายบริษัทมากเกินไป จึงต้องหาอะไรที่เป็นของตัวเอง

“ตอนนี้เป็นหลักการที่นำมาแชร์กัน อยากให้สมาคมและตัวแทนสโมสรไปหารายละเอียดเพิ่มเติมมาคุยกัน หลายทีมเป็นนักธุรกิจ รู้จักตลาดและด้านธุรกิจเป็นอย่างดี น่าจะมีไอเดีย หรือโมเดลมานำเสนอกันได้” นายพาทิศกล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า การแยกออกมาตั้งบริษัทใหม่นี้จะยังมีเม็ดเงินไปสนับสนุนลีกรองหรือไม่นั้น นายพาทิศกล่าวว่า ยังมีเหมือนเดิม เพื่อให้วงการฟุตบอลไทยยังแข็งแกร่งอยู่

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวได้รับรายงานว่า ในที่ประชุมที่หารือเรื่องของการแยกออกมาเปิดบริษัทใหม่นั้น มีทีมที่เห็นด้วยและเห็นด้วยแบบมีเงื่อนไข 11 ทีม ส่วนอีก 5 ทีมที่เหลือยังไม่ขอออกความเห็น

เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่เพิ่มเพื่อน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image