เศรษฐา ปิดทำเนียบต้อนรับตัวแทนฟีฟ่า อินฟานติโน่ มอบเสื้อเบอร์ 30 ให้
เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เป็นประธานกล่าวเปิดงานเลี้ยงรับรองคณะผู้บริหารจากสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) นำโดยจานนี่ อินฟานติโน่ ประธานฟีฟ่า, อเล็คซานเดอร์ เซเฟริน ประธานสหพันธ์ฟุตบอลยุโรป (ยูฟ่า), ชีค ซัลมาน บิน อิบราฮิม อัล คอลิฟา ประธานสมาพันธ์ฟุตบอลแห่งเอเชีย (เอเอฟซี) และแขกพิเศษที่เดินทางมาร่วมประชุมใหญ่สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ “ฟีฟ่า คองเกรส” ครั้งที่ 74 ที่ประเทศไทย ระหว่างวันที่ 15-17 พฤษภาคม
ภายในงานทางรัฐบาลไทยได้จัดให้มีการแสดงเปิดงาน “รำฝรั่งคู่” ชุด วิจิตรนาฏกร เฉลิมพรมงคล โดย ทีมลายรวิ,การแสดงพิเศษ “การขับร้องเพลงประสานเสียง” โดย คณะนักร้องประสานเสียงเยาวชนไทย,การแสดงพิเศษ “หุ่นละครเล็ก”โดย คณะโจหลุยส์,วงดนตรีไทยประยุกต์ บรรเลงเพลงบรรยากาศ โดย วงดนตรี กรุงเทพไล้ท์ ออร์เคสตรา และการแสดงไฮไลท์ “โขน เรื่องรามเกียรติ์” โดย กรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จานนี่ อินฟานติโน่ ประธานฟีฟ่า ได้มอบเสื้อที่ระลึกให้กับนายเศรษฐา พร้อมหมายเลข 30 ซึ่งหมายถึงนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของประเทศไทยอีกด้วย
โดยนายเศรษฐา กล่าวว่า ต้องขอบคุณฟีฟ่าที่เลือกประเทศไทยเป็นสถานที่จัดประชุมครั้งนี้ เป็นความภาคภูมิใจอย่างยิ่งที่ไทยได้ต้อนรับผู้แทนจากทั่วโลก โดยมองว่าฟุตบอลไม่ได้เป็นเพียงกีฬา แต่เป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมที่คนไทยให้ความสำคัญด้วย
“ประเทศไทยนับเป็นประเทศแรกในอาเซียนที่เป็นเจ้าภาพจัดงานนี้ จึงนับเป็นก้าวใหม่ของวงการฟุตบอลอาเซียน และการมีส่วนร่วมในเส้นทางระดับโลกของวงการฟุตบอลโลก ทั้งนี้ ในฐานะที่เป็นคนที่ชื่นชอบฟุตบอล ผมได้เล่นฟุตบอล และติดตามชมการแข่งขันฟุตบอลมาตลอด ซึ่งทุกวันนี้ก็ยังคงเล่นทุกครั้งที่มีโอกาส เพราะช่วยทำให้ผ่อนคลายจากการทำงานได้”
“สำหรับประเทศไทย กีฬาฟุตบอลนับเป็นส่วนสำคัญที่สนับสนุนการมีสุขภาพที่ดีและความเท่าเทียม การเล่นฟุตบอลมีให้เห็นตั้งแต่ริมถนนในตัวเมืองที่พลุกพล่านไปจนถึงหมู่บ้านในชนบท ฟุตบอลเป็นส่วนที่เชื่อมโยงสังคมที่นำมาซึ่งความสุขและมิตรภาพระหว่างคนในสังคม รวมทั้งยังช่วยสนับสนุนความเท่าเทียมทางเพศ โดยเป็นเวทีที่ทั้งผู้หญิงและผู้ชายแข่งขันกันได้อย่างสนุกสนาน ก้าวข้ามอุปสรรคความท้าทาย โดยใช้ความสามารถส่วนบุคคล ข้ามผ่านทัศนคติที่มีต่อกลุ่มคน ทำให้ผู้หญิงสามารถแสดงความสามารถของตนได้ ซึ่งสังคมภายใต้ฟุตบอลให้คุณค่ากับความสามารถมากกว่าเพศ”
“นอกจากนี้ กีฬาฟุตบอลเป็นกลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ช่วยส่งเสริมให้เกิดการจ้างงาน และส่งเสริมการเติบโตในทุกภาคส่วน ขับเคลื่อนการพัฒนาในชุมชน รวมไปถึงช่วยปกป้องเยาวชน โดยมอบพื้นที่ปลอดภัยให้เยาวชนได้เรียนรู้คุณค่าของความเคารพ การไม่แบ่งแยก และเล่นกีฬาอย่างยุติธรรม ช่วยสร้างรากฐานและกำหนดอนาคตของเยาวชนซึ่งจะเป็นอนาคตของประเทศด้วย”
“กีฬาฟุตบอลยังช่วยต่อสู้กับการเลือกปฏิบัติทางเชื้อชาติด้วยการส่งเสริมความหลากหลาย ยอมรับความแตกต่าง และความเคารพ เสริมสร้างความเข้าใจ และบริบทระหว่างวัฒนธรรมที่แตกต่าง และสนับสนุนการอยู่ร่วมกันในสังคม
“การประชุมฟีฟ่า คองเกรส เป็นโอกาสสำคัญที่เปิดโอกาสให้กำหนดอนาคตของฟุตบอลในระดับโลก มีการหารือเกี่ยวกับประเด็นสำคัญ ๆ และสร้างความร่วมมือใหม่ ๆ โดยการประชุมครั้งที่ 74 นี้จะตัดสินเจ้าภาพฟุตบอลโลกหญิงปี 2027 และจุดยืนระดับโลกในการต่อต้านการเลือกปฏิบัติทางเพศและเชื้อชาติในกีฬาฟุตบอล นายกรัฐมนตรีเชื่อว่าการประชุมนี้สร้างการเปลี่ยนแปลงขับเคลื่อนวงการฟุตบอลไปสู่อนาคตที่ครอบคลุม มีพลวัต และยั่งยืนมากขึ้น”
“ในนามประเทศไทย นายกรัฐมนตรีหวังว่า คณะผู้บริหารฟีฟ่า จะมีความสุขตลอดช่วงเวลาที่ได้มาประชุมที่ประเทศไทย และขอให้การประชุมครั้งนี้ประสบผลสำเร็จ”
สำหรับกำหนดการหลังจากนี้ วันที่ 16 พฤษภาคม จะเป็นการประชุมใหญ่ของสหพันธฟุตบอลแต่ละทวีป จากนั้นในช่วงบ่ายจะเป็นการแข่งขันฟุตบอลนัดพิเศษซึ่งจะแบ่งเป็น 8 ทีม คือ 6 สหพันธ์ระดับทวีป, ทีมฟีฟ่า และทีมไทย โดยทุกทีมจะมีตัวแทนตำนานนักเตะร่วมแข่งขันด้วย ส่วนของทีมไทยจะมี “อ.หรั่ง” ดร.ชาญวิทย์ ผลชีวิน กับ “เดอะตุ๊ก” ปิยะพงษ์ ผิวอ่อน, หนึ่งฤทัย สระทองเวียน และ “หนูดี” อิรวดี มาครีส ร่วมแข่งด้วย
ส่วนการประชุมฟีฟ่า คองเกรส ครั้งที่ 74 ในช่วงเช้าวันที่ 17 พฤษภาคม ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ จะมีวาระใหญ่ที่สุดคือ การโหวตเลือกเจ้าภาพฟุตบอลหญิง ชิงแชมป์โลก 2027 โดยมี 2 กลุ่มที่เสนอตัว ประกอบด้วย กลุ่มประเทศยุโรป เบลเยียม , เยอรมนี และ เนเธอร์แลนด์ และ อีกหนึ่งประเทศ คือ บราซิล ซึ่งเงื่อนไข การชนะคือ ต้องได้เสียงเกินกึ่งหนึ่งจาก 211 ประเทศสมาชิกที่เข้าร่วมประชุม
ก่อนที่ช่วงบ่าย จานนี่ อินฟานติโน่ ประธานฟีฟ่า จะเดินทางไปเปิดที่ทำการสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ภายในการกีฬาแห่งประเทศไทย และกิจกรรม “ฟุตบอลไร้พรมแดน Football without Boundaries” เปิดโอกาสให้เยาวชนไทยจะได้เรียนรู้และฝึกฟุตบอลกับตำนานนักเตะระดับโลกจาก อาทิเช่น ดาวิด เทรเซเก้ต์ และเวสลีย์ สไนเดอร์ เป็นต้น