กาลครั้งหนึ่ง ณ ปารีส : สีหน้าที่แปรเปลี่ยนไป
ช่วงที่ผ่านมาก่อนจะมาโอลิมปิกเกมส์ ถ้าใครได้พบเจอกับ “เทนนิส” พาณิภัค วงศ์พัฒนกิต ต้องบอกว่าเธอดูไม่ใช่คนเดิมเลย
ด้วยความเป็นความหวังสูงสุดของทัพไทย บวกกับความหวังตัวเองที่ต้องการเป็นแชมป์โอลิมปิกเกมส์ 2 สมัย ทำให้ดูมีความกดดันค่อนข้างมาก
ตั้งแต่ช่วงท้ายของการเก็บตัว ที่เจ้าตัวแทบจะไม่อยากให้สัมภาษณ์สื่อใดๆ เพราะเครียดและกดดัน (แม้เวลาเจอหน้ากันก็ยังพยายามร่าเริงและเฮฮาอยู่เหมือนเคย)
จนกระทั่งเดินลงสนามในรอบ 16 คนสุดท้าย สีหน้าของพาณิภัคต้องใช้คำว่า “ซีดเป็นไก่ต้ม” เลยก็ว่าได้ ดูไม่เหมือนน้องเทนนิสคนร่าเริง หรือมีความมั่นใจเท่าไหร่นัก เป็นการบ่งบอกได้อย่างชัดเจนว่าความกดดันที่เธอแบกรับอยู่มันหนักหนาจริงๆ
แต่พอเก็บชัยชนะเริ่มต้นได้สวย การออกอาวุธเข้าเป้าหลายต่อหลายครั้ง เพิ่มความมั่นใจให้กับเจ้าตัวในแต่ละไฟต์ สีหน้าเวลาที่เดินออกมาจากสนามก็มีความเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นเรื่อยๆ
อาจจะมีช่วงรอบชิงที่ต้องเล่นยกตัดสิน ซึ่งความกดดันถาโถมอีกครั้ง สีหน้าของพาณิภัคเปลี่ยนไป แต่ยังดีที่ “โค้ชเช” **ชัชชัย เช** อยู่ตรงนั้นคอยดึงสติกลับมาได้ จนคว้าชัยชนะและเหรียญทองได้สำเร็จ
หลังจากจบการแข่งขันเราได้เห็นการระเบิดอารมณ์ของเทนนิสออกมาในสนาม ทั้งน้ำตาและรอยยิ้ม บ่งบอกเลยว่าเธอมีความสุขกับเหรียญนี้มากแค่ไหน
แต่มันก็คงไม่เท่ากับหลังจากนั้น เธอเปลี่ยนจากคนที่ดูอมทุกข์ตลอดในช่วงที่ผ่านมา กลับมาเป็นหญิงสาวที่สดใสร่าเริงเหมือนที่พวกเราทุกคนเคยรู้จักอีกครั้ง
ทั้งการหยอกล้อกับนักข่าวต่างชาติ ด้วยการขายของอย่าง “พาณิภัค เทควันโด” หรือพอหลังจากลงเวทีแถลงข่าวมา ก็อยู่คุยเล่นกับนักข่าวไทยแบบผ่อนคลายสุดๆ (แถมนักข่าวยังร้องแฮปปี้เบิร์ธเดย์ให้อีกด้วย)
เรียกว่าทุกอย่างที่เทนนิสเคยแบกเอาไว้ในช่วงมา มันถูกยกออกไปหมดแล้ว
และสร้างตำนานนักกีฬาไทยขึ้นมาอีกครั้ง