มาร์ติน่า นาฟราติโลว่า ตำนานสักหลาดชาวอเมริกันเชื้อสายเชกโกสโลวาเกีย เจ้าของแชมป์เดี่ยวแกรนด์สแลม 18 รายการ ออกมาแสดงความเห็นกรณีเซเรน่า วิลเลียมส์ อดีตมือ 1 โลกชาวอเมริกันฟิวส์ขาดในแมตช์นัดชิงชนะเลิศ “ยูเอส โอเพ่น” เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา และหยิบประเด็นเรื่องการปฏิบัติอย่างไม่เท่าเทียมของกรรมการต่อนักเทนนิสชายและหญิงมาอธิบายการโดนลงโทษของตัวเอง
นาฟราติโลว่าแสดงความเห็นผ่านข้อเขียนของตัวเองใน “นิวยอร์ก ไทม์ส” ว่าเซเรน่าพูดถูกในแง่ที่ว่าประเด็นสองมาตรฐานระหว่างเพศชายและหญิงเรื่องการลงโทษในพฤติกรรมไม่เหมาะสมต่างๆ ไม่ใช่แค่ในวงการเทนนิสอย่างเดียว และควรจะมีการทบทวนเรื่องยกระดับมาตรฐานการทำหน้าที่ของกรรมการขึ้น
อย่างไรก็ตาม อดีตนักหวดดังวัย 61 ปี กล่าวด้วยว่า คำประท้วงของเซเรน่าก็ยังมีจุดที่ผิดอยู่ เพราะจะมาอ้างว่า “ถ้าผู้ชายทำผิดได้ ผู้หญิงก็ควรทำผิดได้เหมือนกัน” ไม่ได้ เพราะเราควรต้องถามตัวเองว่า ควรจะปฏิบัติอย่างไรเพื่อให้เกียรติกีฬาเทนนิสรวมถึงแสดงความเคารพต่อคู่แข่ง เราไม่สามารถจะตัดสินอะไรตามความเชื่อของตัวเอง คิดแค่ว่าตัวเองน่าจะทำได้แล้วไม่ควรโดนลงโทษ เพราะในความเป็นจริงแล้ว พฤติกรรมเช่นนี้ไม่ควรเกิดขึ้นบนคอร์ตเทนนิส
ส่วนรายละเอียดของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น นาฟราติโลว่าเห็นใจทั้ง 2 ฝ่าย เพราะที่เซเรน่าชี้แจงว่าไม่ได้รับสัญญาณจากโค้ชบนอัฒจันทร์นั้น เป็นเรื่องที่ฟังขึ้น แต่พอเรื่องราวเริ่มบานปลายไปเรื่อยๆ ฝ่ายกรรมการก็ไม่มีทางเลือกนอกจากลงโทษหนักขึ้น ส่วนประเด็นที่ว่านักเทนนิสชายจะโดนลงโทษปรับเกมถ้าเรียกกรรมการว่า “โจรปล้นคะแนน” แบบเซเรน่าหรือไม่นั้น คงเป็นเรื่องที่ต้องไปถกเถียงกันอีกที
ด้านสหพันธ์เทนนิสนานาชาติ (ไอทีเอฟ) ออกแถลงการณ์เมื่อวันที่ 10 กันยายน ว่าการทำหน้าที่ของกรรมการคาร์ลอส รามอส เป็นไปตามลำดับขั้นตอนและตรงตามกฎข้อบังคับที่ระบุไว้ทุกอย่าง เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ว่าเหตุใดจึงมีประเด็นถกเถียงกันเนื่องจากบริบทแวดล้อมต่างๆ แต่สิ่งหนึ่งที่ยืนยันได้คือ รามอสทำตามขอบเขตหน้าที่ของตัวเองในฐานะกรรมการเทนนิสมืออาชีพ ไม่ได้ขาดตกบกพร่องใดๆ
