บทสรุปของรอบชิงชนะเลิศหญิงเดี่ยว ศึกแกรนด์สแลม ยูเอส โอเพ่น ที่นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา กลายเป็นตอนจบที่แสน “เซอร์ไพรส์” สำหรับแฟนๆ และสื่อเทนนิสทั่วโลก เพราะเป็นอีกครั้งหนึ่งที่ เซเรน่า วิลเลียมส์ อดีตนักหวดสาวมือ 1 ของโลกวัยย่าง 38 ปีชาวอเมริกัน ต้องเจอกับความผิดหวังอีกครั้ง
เท่ากับว่าเซเรน่าเข้าชิงแกรนด์สแลม 4 ครั้งหลังสุด ประสบกับความปราชัยทุกครั้ง ความหวังที่จะทาบสถิติแชมป์หญิงเดี่ยวแกรนด์สแลม 24 สมัย สูงที่สุดตลอดกาลของ มาร์กาเร็ต คอร์ต ตำนานสักหลาดชาวออสซี่จึงต้องยืดออกไป
ความผิดหวังของเซเรน่าครั้งนี้ยิ่งเซอร์ไพรส์มากขึ้นเมื่อคู่ต่อสู้ของเธอคือ เบียงก้า อันเดรสคู สาววัยเพียง 19 ปีชาวแคนาเดียนเชื้อสายโรมาเนีย ซึ่งเพิ่งได้สิทธิร่วมแข่งขันเมนดรอว์ยูเอส โอเพ่น ปีนี้เป็นครั้งแรก หลังจาก 2 ปีที่ผ่านมา พ่ายตกรอบคัดเลือกรอบแรก
อันเดรสคูสร้างประวัติศาสตร์เป็นนักหวดชาวแคนาเดียนคนแรกที่คว้าแชมป์ประเภทเดี่ยวระดับแกรนด์สแลมมาครอง ซึ่งถ้าย้อนประวัติของสาวน้อยคนนี้ดูต้องบอกว่าคำว่า “ฝันเป็นจริง” ที่เจ้าตัวปรารภในพิธีมอบรางวัลที่อาร์เธอร์ แอช สเตเดียม ในฟลัชชิ่ง มีโดว์ส นั้น ไม่ได้เกินจริงแม้แต่นิดเดียว
พ่อแม่ของเบียงก้าเป็นชาวโรมาเนียที่ทำงานในแคนาดา คุณพ่อเป็นวิศวกร ส่วนคุณแม่ทำงานอยู่บริษัทด้านการลงทุน เธอเกิดที่ออนตาริโอจึงได้สัญชาติแคนาเดียนแต่กำเนิด เบียงก้าเริ่มเล่นเทนนิสตอนอายุ 7 ขวบ ช่วงที่พ่อกับแม่ย้ายกลับไปอยู่โรมาเนีย ก่อนที่ทั้งครอบครัวจะย้ายกลับไปใช้ชีวิตในแคนาดาหลังจากนั้น 2-3 ปี
ไอดอลในวัยเด็กของเธอคือ คิม ไคลจ์สเตอร์ส อดีตมือ 1 หญิงของโลกชาวเบลเยียม และต่อมาเธอก็ชื่นชมในฝีมือของ ซิโมน่า ฮาเล็ป นักหวดโรมาเนีย รวมถึงพี่น้องวิลเลียมส์ด้วย
เบียงก้าบอกว่า หลังจากคว้าแชมป์รายการ ออเรนจ์ โบว์ล เมื่อปี 2015 เธอก็เริ่มมีความมั่นใจมากขึ้น และคิดว่าน่าจะลองพยายามในระดับที่สูงขึ้นไป เมื่อคิดได้ดังนั้น ไม่กี่เดือนต่อมา สาวน้อยวัย 16 ปี ก็เริ่ม “พิธีกรรม” เพื่อสร้างความมุ่งมั่นให้ตัวเอง โดยการเอาเช็กมาเขียนเงินรางวัลของการแข่งขันยูเอส โอเพ่น พร้อมกับชื่อของตัวเอง เพื่อเป็นแรงจูงใจในการก้าวไปสู่ตำแหน่งแชมป์
ปรากฏว่าเธอต้องเปลี่ยนเช็กใหม่ทุกปี เพราะเงินรางวัลของยูเอส โอเพ่น เปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ เบียงก้าจึงเก็บรวบรวมเช็กปลอมๆ เหล่านี้ไว้เป็นแรงบันดาลใจให้ตัวเอง
นอกจากเช็กดังกล่าวแล้ว ยังมีคนช่วยดันหลังให้เธอมั่นใจที่จะก้าวไปข้างหน้า โดยในปี 2016 เบียงก้าบังเอิญได้เจอกับหนึ่งในนักหวดขวัญใจอย่างซิโมน่า ฮาเล็ป ในการแข่งขัน โรเจอร์ส คัพ ที่แคนาดา ซึ่งฮาเล็ปแนะนำให้สาวน้อยมุ่งมั่นสู่การเป็นมืออาชีพ และยังคงมีสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมาจนปัจจุบัน
ประสาเด็กช่างฝัน นอกจากการจินตนาการถึงการได้ชูถ้วยแชมป์ที่ฟลัชชิ่ง มีโดว์ส แล้ว เบียงก้ายังมีอีกหนึ่งกิจวัตรที่เธอต้องทำเป็นประจำก่อนจะลงแข่งขัน
ทุกครั้งก่อนลงสนาม เบียงก้าจะนั่งหลับตา แล้วจินตานาการถึงการเล่นในแมตช์นั้นๆ กระทั่งถึงบทสรุปที่เธอได้รับชัยชนะ ซึ่งสิ่งนี้ส่งผลทางจิตวิทยาให้เบียงก้าปราบคู่แข่งจนเก็บชัยชนะได้ 14 นัดรวดจนถึงขณะนี้
ต้องเรียกว่าเป็นปีทองสำหรับสาวน้อยวัย 19 อย่างแท้จริง เพราะปีที่แล้วเธอประสบปัญหาบาดเจ็บรุมเร้าจนทำให้เกือบถอดใจเลิกเล่น แต่ก็บอกตัวเองว่าอย่ายอมแพ้ ให้สู้ต่อ
ต้นปี เบียงก้าออกสตาร์ตในฐานะมืออันดับ 178 ของโลก แต่ก็เริ่มต้นอย่างสวยงามด้วยการคว้าตำแหน่งรองแชมป์รายการ อ๊อคแลนด์ โอเพ่น ที่นิวซีแลนด์ ก่อนไปคว้าแชมป์ นิวพอร์ต บีช ที่แคลิฟอร์เนียช่วงปลายเดือนมกราคม แต่ที่เซอร์ไพรส์จริงๆ คือการคว้าแชมป์ระดับพรีเมียร์และพรีเมียร์ 5 ถึง 2 รายการในเดือนมีนาคมและสิงหาคม คือ อินเดียนเวลส์ โอเพ่น และ แคนาเดียน โอเพ่น โดยปราบมือดังๆ อาทิ การ์บินเญ่ มูกูรูซ่า, เอลิน่า สวิโตลิน่า, อังเกลิค แคร์เบอร์ รวมถึงเอาชนะเซเรน่าในรอบชิงที่แคนาดา หลังจากเซเรน่าขอถอนตัวเพราะปัญหาบาดเจ็บหลังแข่งไปได้ 4 เกม
จากผลงานโดดเด่นต่อเนื่องทำให้เบียงก้าอันดับโลกพุ่งพรวดขึ้นมาอยู่อันดับ 5 ของโลกในปัจจุบัน ซึ่งเจ้าตัวบอกว่า จากที่เคยนั่งฝันและจินตนาการถึงภาพการชูถ้วยแชมป์และรับเช็กในฐานะผู้ชนะรายการยูเอส โอเพ่น พอทำได้จริงๆ ก็เป็นความรู้สึกที่เหลือเชื่อมากๆ
เส้นทางของเบียงก้าหลังจากนี้จะติดลมบนเหมือนกับ นาโอมิ โอซากะ แชมป์ปีที่แล้วหรือไม่ ยังเป็นเรื่องที่ต้องรอพิสูจน์ต่อไป แต่เมื่อโดนถามถึงเรื่องนี้ สาวแคนาเดียนวัย 19 บอกว่า เธอเริ่มวาดฝันถึงการคว้าแชมป์แกรนด์สแลมรายการอื่นๆ รวมทั้งการก้าวขึ้นไปนั่งบัลลังก์มือ 1 ของโลกแล้ว
เป็น “ฝัน” ใหม่ที่ต้องให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าจะเป็นจริงหรือไม่ หรือเมื่อใดกัน
