ลิเวอร์พูล ออกสตาร์ตชนะ 7 นัดรวดรวมทุกถ้วย แต่ 3 เกมหลังสุดกลับโบ๋เบ๋ ชนะไม่เป็น แสดงว่าเริ่มมีอาการบางอย่าง
เท่าที่เห็นคือมาตรฐานตก เพราะเกมรุกไม่คม ล่าสุดที่ไปแพ้ นาโปลี ในแชมเปี้ยนส์ลีก เกมรับก็พลาด เสียบอลในแดนตัวเองหลายครั้ง
ลูกที่โดนยิงแพ้ เสียประตูแบบไม่น่าเสีย ประกบตัวกันผิดพลาด แบ๊กซ้าย แอนดี้ โรเบิร์ตสัน สมาธิหลุดนิดเดียว โดนลงโทษถึงตาย
โอเคว่า 3 นัดหลังที่ฝืด หงส์แดงเจอของแข็ง หวดกับ เชลซี ซะ 2 นัดตามด้วยเกมเยือนนาโปลี จะให้ยิงกระฉูดแบบต้นฤดูกาลก็คงจะไม่ใช่
แต่ผมตั้งข้อสังเกตว่า กุนซือ เยอร์เก้น คล็อปป์ จัดทีมแบบสำเร็จรูปไปนิด 11 คนแรกถูกใช้งานติดๆ กันจนล้า
ตัวเสริมอย่าง แดเนี่ยล สเตอร์ริดจ์ – เซอร์ดาน ชากิรี่ น่าจะถูกสลับลงตัวจริงบ้าง เพื่อถนอมความสดและเพิ่มความหลากหลาย
ลิเวอร์พูล เสียพลังไปไม่น้อยในนัดไล่เสมอเชลซี 1-1 พอกลางสัปดาห์ คล็อปป์แทบจะส่งชุดเดียวกันลงไปสู้กับนาโปลี ลูกน้องย่อมออกอาการแข้งขาตึงเป็นธรรมดา
ได้พักไม่เท่าไหร่ วันอาทิตย์นี้ต้องเจอศึกหนัก (มาก) กับ แมนฯ ซิตี้ ซ้ำอีก
เล่นกับเรือใบสีฟ้า หงส์แดงเหนือกว่าอย่างเดียวคือความดุดัน ถ้าสภาพเต็มร้อย ลิเวอร์พูลสามารถไล่เพรสซิ่งกดดันแนวรับซิตี้ได้ แดนกลางที่เร็วกว่า ถึกกว่า ก็น่าจะบีบจนคู่แข่งผิดพลาด เสียบอลง่าย หรืออาจจะเล่นไม่ออก
แต่หงส์แดงนาทีนี้ ไม่แน่ใจนะครับว่าจะไหว-ไม่ไหว
นาบี เกอิต้า ที่พลังเหลือเฟือดันเจ็บหลัง เจมส์ มิลเนอร์ ก็อาจจะเหนื่อยเกินไป
ส่วน โม ซาลาห์ ยังกู่ไม่กลับเหมือนเดิม
ลิเวอร์พูลต้องฮึดสุดชีวิต เรียกสภาพคืนมา อย่างน้อยต้องได้สัก 90 เปอร์เซ็นต์ ไม่งั้นมีสิทธิสลบคาบ้าน
แมนฯ ซิตี้ ดีขึ้นเรื่อยๆ ชนะมา 4 นัดติด เลรอย ซาเน่ คืนฟอร์มกลับมาลากเลื้อยริมเส้น ราฮีม สเตอร์ลิ่ง ก็เฟี้ยวน่าดู
หงส์แดงน่าเป็นห่วง ถ้าชนะไม่ไหวก็ต้องเล่นไม่ให้แพ้ไว้ก่อน!