รู้จัก “เคนโตะ โมโมตะ” “แบดบอย” วงการขนไก่แดนปลาดิบ

ภาพ AFP

ช่วงที่คู่ปรับนักแบดมินตันระดับตำนานอย่าง หลิน ตัน และ ลี ชอง เหว่ย เริ่มเข้าสู่ช่วงขาลงด้วยอายุและสภาพร่างกายที่ไม่อำนวยเหมือนก่อน บรรดาสื่อและแฟนๆ ลูกขนไก่จึงพยายามมองหา “สตาร์” จากบรรดาคลื่นลูกใหม่ฝีมือเยี่ยมมากมายในปัจจุบัน

ในจำนวนนี้ กูรูหลายรายเชื่อว่า เคนโตะ โมโมตะ นักแบดมินตันวัย 24 ปีจากญี่ปุ่น อาจจะเป็นคำตอบที่เหมาะสม ด้วยดีกรีผลงานทั้งระดับเอเชียและระดับโลกเป็นเครื่องการันตี

โมโมตะสร้างชื่อตั้งแต่สมัยเป็นนักแบดเยาวชน คว้าทั้งตำแหน่งแชมป์เอเชียและแชมป์โลกในปี 2012 ต่อมาอีก 2 ปีก็เก็บแต้มประเภทเดี่ยวมีส่วนช่วยให้ทีมชาติญี่ปุ่นคว้าแชมป์แบดมินตันประเภททีมชาย โธมัสคัพ มาครอง ก่อนจะมาพีกสุดยอดในปีนี้ กวาดทั้งแชมป์เอเชียและแชมป์โลก และกลายเป็นนักแบดมินตันญี่ปุ่นคนแรกในประวัติศาสตร์ที่ขึ้นไปครองบัลลังก์มือ 1 ของโลกตั้งแต่ปลายเดือนกันยายนเป็นต้นมา

เฉพาะปีนี้ปีเดียว เขาคว้าแชมป์ทัวร์นาเมนต์ระดับบีดับเบิลยูเอฟ เวิลด์ทัวร์ 2 รายการ คือ อินโดนีเซีย โอเพ่น และ เจแปน โอเพ่น รวมทั้งรองแชมป์อีก 2 รายการ นอกจากนี้ยังทำสถิติเป็นแชมป์ซุปเปอร์ซีรีส์อายุน้อยที่สุดของญี่ปุ่น สมัยคว้าแชมป์ สิงคโปร์ โอเพ่น เมื่อปี 2015 อีกด้วย

Advertisement

ขณะที่ผลงานการดวลกับนักแบดชื่อดังร่วมยุคอย่าง วิกเตอร์ อักเซลเซ่น อดีตแชมป์โลกชาวเดนมาร์ก โมโมตะก็มีสถิติข่มด้วยผลงานชนะ 9 ครั้ง จากการพบกัน 11 ครั้ง อีกทั้งเวลานี้ในวัยเพียง 24 ปี โมโมตะลงเล่นประเภทเดี่ยว 310 แมตช์ คว้าชัยได้ถึง 241 แมตช์ ถือเป็นสัดส่วนที่น่าสนใจอย่างยิ่ง

เรียกว่าตอนนี้กำลังฟอร์มร้อนแรงขั้นสุด ขาดแค่ขอให้ยืนระยะได้ยาวๆ เหมือนตำนานในอดีตเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม ขณะที่ผลงานในสนามกำลังไปได้ดี หลายครั้งที่พฤติกรรมนอกสนามทำให้ชีวิตนักแบดมินตันของเขาต้องสะดุดไป

Advertisement

โมโมตะกลายเป็นประเด็นฮือฮาเมื่อเดือนเมษายนปี 2016 หลังจากออกมายอมรับว่าเข้าไปเล่นพนันที่กาสิโนผิดกฎหมายในกรุงโตเกียว หลังจากหนึ่งในพนักงานของกาสิโนดังกล่าวให้ข้อมูลว่าเขาไปเล่นพนันที่นั่นหลายครั้ง

โมโมตะ และ ทาโกะ แถลงขอโทษกรณีเล่นการพนัน (ภาพจากเอเอฟพี)

สื่อญี่ปุ่นรายงานว่า โมโมตะไปเที่ยวกาสิโน 6 ครั้ง ระหว่างเดือนตุลาคมปี 2014 ถึงมกราคมปี 2015 สูญเงินไปราวๆ 5 แสนเยน (ประมาณ 147,000 บาท) ขณะที่ เคนอิจิ ทาโกะ เพื่อนร่วมทีมที่ไปด้วยกัน เป็นขาประจำของบ่อน ไปเที่ยวร่วม 60 ครั้ง ใช้เงินไปมหาศาล 10 ล้านเยน (2.94 ล้านบาท)

แม้ว่าตัวเลขของฝั่งทาโกะเยอะกว่า แต่เนื่องจากโมโมตะดังกว่าและเป็นตัวความหวังของทีมชาติญี่ปุ่นทำให้เขาโดนสังคมจับจ้องอย่างหนัก สุดท้ายเมื่อทนแรงกดดันไม่ไหว โมโมตะกับทาโกะจึงตั้งโต๊ะแถลงข่าวขอโทษทั้งน้ำตา โดยเขาโดน เอ็นทีที อีสต์ ต้นสังกัดแบน 30 วัน (ขณะที่ทาโกะ เพื่อนร่วมสังกัด โดนไล่ออก)

ขณะที่ สมาคมแบดมินตันแห่งญี่ปุ่น มีคำสั่งลงโทษแบนตั้งแต่เดือนพฤษภาคมปีนั้น จนพลาดโอกาสร่วมทีมไปแข่งขัน โอลิมปิกเกมส์ 2016 ที่นครรีโอเดจาเนโร ประเทศบราซิล ทั้งที่มีความหวังจะลุ้นเหรียญรางวัลได้

ช่วงเกิดเหตุดังกล่าว สื่อต่างประเทศบางสำนักตั้งคำถามเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่าเป็นการลงโทษที่เกินกว่าเหตุหรือไม่ เพราะโลกตะวันตกมองการพนันเป็นเรื่องปกติและคิดว่า “ใครๆ ก็ทำกัน” โดยลืมไปว่าสำหรับประเทศญี่ปุ่นนั้น การพนันถือเป็นเรื่องผิดกฎหมาย และความผิดของโมโมตะในความเป็นจริงแล้วอาจทำให้เขาติดคุกถึง 3 ปีตามกฎหมายบ้านเมืองด้วยซ้ำ!

โชคดีที่เรื่องไม่เลยเถิดถึงขนาดนั้น โดยเจ้าตัวต้องเข้าคอร์สบำบัดเรื่องติดการพนัน และบำเพ็ญประโยชน์เพื่อสังคมเป็นการชดใช้ความผิด อีกทั้งยังโชคดีไม่ได้โดนแบนถึง 3 ปีตามที่เป็นข่าวในตอนแรก สุดท้ายจึงกลับมาแข่งขันได้อีกครั้งในช่วงกลางปี 2017

อย่างไรก็ตาม ปัญหานอกสนามของโมโมตะยังไม่หมดแค่นั้น ในช่วงเดียวกับที่โดนปูดเรื่องเล่นพนัน โมโมตะโดนสื่อกอสซิปในประเทศเผยภาพขณะกำลังนัวเนียกับสาวนั่งดริงก์แบบวาบหวิวหน่อยๆ ในคาราโอเกะแห่งหนึ่ง

ภาพจาก weekly shincho

สาวเสิร์ฟที่ทำงานอยู่ใกล้ๆ บ่อนพนันผิดกฎหมายให้สัมภาษณ์สถานีโทรทัศน์ ฟูจิ ว่า เวลาไปเที่ยวกลางคืนแต่ละที โมโมตะจะใช้เงินราว 30,000-40,000 เยน (8,820-11,760 บาท) โดยจะมองหาสาวๆ หน้าตาดีมาเป็นเพื่อนเที่ยวตลอดคืน โดยหลังจากเริ่มดื่มได้ที่ก็จะเริ่มพลอดรักกัน

แม้จะไม่ผิดกฎหมาย แต่สำหรับนักกีฬาทีมชาติที่เป็นแบบอย่างของเยาวชน การดื่มเหล้าเคล้านารีและไลฟ์สไตล์แบบคนกลางคืนของเขาอาจจะไม่เหมาะสักเท่าใดนัก

ล่าสุดยังมีประเด็นร้อนที่สื่อแดนปลาดิบกำลังติดตามอย่างใกล้ชิด เมื่อมีข่าวหลุดมาว่า เขาอาจจะแอบมีอะไรกับ ยูกิ ฟุคุชิมะ นักแบดมินตันสาวเพื่อนร่วมชาติ ดีกรีมือ 1 โลกประเภทหญิงคู่ ซึ่งหลายคนยกให้เป็น “ไอดอล” ของวงการเนื่องจากมีรูปร่างหน้าตาสวยใส

เนื่องด้วยทั้งคู่ต่างก็กำลังเข้าแคมป์เก็บตัวทีมชาติอยู่ในสถานที่เดียวกัน แล้วบังเอิญเช้าวันหนึ่ง เจ้าหน้าที่จากองค์กรต่อต้านสารต้องห้ามของญี่ปุ่น (จาด้า) เดินทางไปขอเก็บตัวอย่างปัสสาวะนอกมหกรรมเพื่อสุ่มตรวจโด๊ปโดยไม่แจ้งล่วงหน้า แต่กลับไม่พบฟุคุชิมะอยู่ที่ห้อง

ภาพ REUTERS

เมื่อตรวจสอบกล้องวงจรปิดแล้วพบว่า ฟุคุชิมะเดินออกมาจากห้องพักของโมโมตะตอน 6 โมงเช้า จึงอนุมานได้ว่าทั้งคู่อาจจะค้างคืนด้วยกันในวันดังกล่าว

แต่เนื่องด้วยเป็นแคมป์เก็บตัวทีมชาติที่นักกีฬาควรจะโฟกัสอยู่กับการฝึกซ้อม การตอบรับเสียงเรียกร้องจากธรรมชาติในลักษณะนี้ ในเวลานี้ จึงอาจจะไม่เหมาะสมสักเท่าไร

ดีว่าทุกอย่างจบลงด้วยดีเมื่อฝ่ายนักกีฬาชี้แจงว่า เพียงแค่คุยกันเฉยๆ ไม่ได้มีอะไรกัน ทำให้โดนแค่ตักเตือนให้ระมัดระวังพฤติกรรม ส่วนสังคมจะเชื่อหรือไม่ก็อีกเรื่องหนึ่ง

เหตุที่สมาคมแบดมินตันแดนปลาดิบต้องระมัดระวังเรื่องอื้อฉาวเหล่านี้เป็นพิเศษเนื่องจากญี่ปุ่นจะเป็นเจ้าภาพโอลิมปิกเกมส์ในอีก 2 ปีข้างหน้า ทั้งโมโมตะและฟุคุชิมะล้วนเป็นกำลังสำคัญในการลุ้นเหรียญรางวัลของทัพขนไก่เจ้าภาพ

เรื่องนี้ไม่ได้รุนแรงเหมือนคราวโดนแบนเพราะเล่นพนันก็จริง แต่เพราะเคยมีบทเรียนจนพลาดแข่ง “รีโอเกมส์” มาแล้วครั้งหนึ่ง คงไม่อยากให้ซ้ำรอยอีกแน่นอน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image