สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา วงการมอเตอร์สปอร์ตมีประเด็นให้ฮือฮาเมื่อ มิค ชูมัคเกอร์ นักซิ่งหนุ่มเยอรมันวัย 19 ปี ผงาดคว้าแชมป์ ฟอร์มูล่า 3 ของยุโรป ด้วยคะแนนรวม 365 คะแนน เหนือกว่ารองแชมป์ แดน ทิคทัม จากสหราชอาณาจักร 57 คะแนน
นับเป็นเรื่องราวดีๆ ที่น่าชื่นใจสำหรับคนรักกีฬาความเร็วทุกคน เนื่องด้วยหนุ่มมิคคนนี้ คือลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของ มิชาเอล ชูมัคเกอร์ ตำนานนักแข่งฟอร์มูล่าวัน เจ้าของสถิติแชมป์โลกสูงสุดตลอดกาล 7 สมัย
ย้อนไปช่วงปลายปี 2013 วงการมอเตอร์สปอร์ตต้องเจอกับข่าวช็อกว่า ชูมัคเกอร์ผู้พ่อประสบอุบัติเหตุขณะเล่นสกีกับลูกชายที่ฝรั่งเศส โดยจังหวะที่ล้มนั้นศีรษะของชูมี่กระแทกเข้ากับก้อนหินอย่างแรง แม้จะสวมหมวกกันน็อกไว้แล้ว แต่แรงกระแทกรุนแรงมากเสียจนหมวกแทบจะพังยับเยิน
ตำนานนักซิ่งชาวเยอรมันต้องเข้ารับการผ่าตัดสมองอย่างเร่งด่วนถึง 2 ครั้ง และอยู่ในอาการโคม่านานหลายเดือน แม้ปัจจุบันจะกลับไปรักษาตัวที่บ้านแล้ว แต่ยังไม่เคยปรากฏตัวต่อสาธารณะแม้แต่ครั้งเดียวนับตั้งแต่เกิดอุบัติเหตุ มีเพียงข่าวจากผู้จัดการส่วนตัวว่าอาการค่อยๆ ดีขึ้นทีละน้อย
ขณะที่สื่อหลายสำนักอ้าง “แหล่งข่าว” ว่า ผลกระทบจากอาการบาดเจ็บรุนแรงที่ศีรษะทำให้ชูมี่เป็นอัมพาตต้องนั่งวีลแชร์ และมีปัญหาเรื่องการพูดสื่อสาร รวมถึงความทรงจำขาดๆ หายๆ
ตลอดช่วงเกิดที่ชูมัคเกอร์พักรักษาตัวท่ามกลางความหวาดหวั่นของแฟนๆ และคนในวงการว่าอาจต้องเผื่อใจรับข่าวร้ายที่รุนแรงที่สุด ครอบครัวของเขาพยายามเก็บเนื้อเก็บตัวไม่ออกสื่อ นานๆ ครั้งจึงเข้าร่วมกิจกรรมทางสังคม กระทั่งมิคสร้างชื่อด้วยการคว้าแชมป์โกคาร์ทของเยอรมนีและยุโรปในปี 2014 จึงกลายเป็นข่าวฮือฮา
ตอนนั้นมิคตัดสินใจใช้ชื่อว่า มิค จูเนียร์ โดยปิดบังนามสกุลที่แท้จริงไว้ เพราะไม่ต้องการให้คนสนใจตัวเองจากสถานะลูกชายของมิชาเอล ชูมัคเกอร์ แต่ในฐานะนักแข่งรถคนหนึ่ง ซึ่งความสำเร็จขั้นแรกของเขาก็ทำให้ทุกคนยอมรับในฝีมือ
ปีถัดมา มิคขยับขึ้นไปแข่งฟอร์มูล่า 4 ภายในประเทศ ก่อนผันตัวไปแข่งฟอร์มูล่า 3 ของยุโรป ในปี 2017 ซึ่งถือเป็นบันไดก้าวสำคัญก่อนเข้าสู่โลกของเอฟวันสำหรับบรรดานักแข่งส่วนใหญ่
เขาสังกัดทีมสัญชาติอิตาเลียน พรีมา ธีโอโดเร่ เรซซิ่ง ฤดูกาลแรกทำคะแนนสะสม 94 คะแนน จบอันดับ 12 โดยได้ขึ้นโพเดียม 1 ครั้ง หลังจากคว้าอันดับสามในการแข่งขันเรซที่ 2 ของสนามที่มอนซ่า ประเทศอิตาลี
สำหรับศึกฟอร์มูล่า 3 ยูโรเปี้ยน แชมเปี้ยนชิพนั้น จะแข่งขันกัน 10 สนาม สนามละ 3 เรซ แล้วรวมคะแนนทั้ง 30 เรซเพื่อหาผู้ชนะ โดยฤดูกาลล่าสุด มิคยกระดับผลงานแบบก้าวกระโดด คว้าแชมป์ 8 เรซ, คว้าอันดับสอง 3 เรซ และคว้าอันดับสามอีก 3 เรซ สามารถการันตีแชมป์โดยทำคะแนนทิ้งขาดอันดับ 2 ขณะยังไม่ได้แข่งขันเรซสุดท้าย
หลังจากได้เห็นผลงานของมิค บรรดาคนในแวดวงมอเตอร์สปอร์ตต่างก็แสดงความคิดเห็นในทิศทางเดียวกันว่า ได้เห็น “เงา” ของพ่อในตัวของนักซิ่งหนุ่มคนนี้
แกร์ฮาร์ด แบร์เกอร์ รุ่นพี่ของชูมี่บอกว่า มิคไม่ใช่แค่รูปร่างหน้าตาเหมือนมิชาเอลอย่างเดียว แต่ยังได้ดีเอ็นเอนักแข่งมาจากพ่อเต็มๆ ทั้งวิธีการเดิน ลักษณะท่าทาง แม้แต่แขนก็ยังเหมือน ถ้ายัง ตนไม่ได้ดีใจกับความสำเร็จของหลานอย่างเดียว แต่ยังดีใจแทนชูมัคเกอร์ด้วย และหวังว่าสักวันหนึ่งเขาจะหายดีกลับมาดูอนาคตของลูกชายพร้อมๆ กับพวกเราทุกคน
ด้าน โตโต้ วูล์ฟ นายใหญ่ของทีมเมอร์เซเดสในฐานะผู้ผลิตเครื่องยนต์ให้ทีมพรีมา กล่าวว่า ดูแล้วเขาน่าจะไปได้ไกลในวงการมอเตอร์สปอร์ต เพราะการแบกนามสกุลชูมัคเกอร์เข้าแข่งขันทำให้โดนจับตามองตั้งแต่เริ่มต้น เขาต้องเผชิญกับแรงกดดันมหาศาล แต่ก็ยังประสบความสำเร็จคว้าแชมป์ได้
ส่วนตัวมิคเองยอมรับว่า เป็นความรู้สึกที่บรรยายไม่ถูก รู้สึกขอบคุณที่เหมือนกับฝันเป็นจริง ได้ทำในสิ่งที่รัก และทำผลงานได้ดี ต้องขอบคุณทีมงานที่คอยผลักดันอยู่เบื้องหลัง ช่วยให้ตนผ่อนคลายจากแรงกดดันต่างๆ และมีสมาธิกับการแข่งขันเป็นหลัก
อย่างไรก็ตาม หลายคนแนะนำว่า มิคยังไม่ควรรีบกระโดดไปแข่งฟอร์มูล่าวันในเวลานี้ แค่ขยับขึ้นไปฟอร์มูล่า 2 ก่อน แม้ว่าทีมใหญ่ๆ อย่าง เฟอร์รารี่ กับ เรดบูล จะติดต่อทาบทามเขาไปเข้าโปรแกรมนักขับดาวรุ่งแล้วก็ตาม
ถือเป็นการตัดสินใจครั้งสำคัญที่ควรพิจารณาให้ถี่ถ้วน เพราะการรีบร้อนก้าวเร็วเกินไปก็ไม่ใช่ผลดีเสมอไป แม้ว่าปัจจุบันวงการเอฟวันจะมีนักแข่งวัยรุ่นแจ้งเกิดขึ้นมาหลายรายก็ตาม
เพราะอย่างไรเสีย มิคก็มีนามสกุลใหญ่ติดตัว ไม่ว่าผลงานจะดีไม่ดีย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะโดนจับตาและแบกรับแรงกดดันมหาศาลกว่าเวลานี้อีกหลายเท่า!
