ศึกลูกหนังยุโรปฤดูกาลใหม่เปิดฉากมาได้ระยะหนึ่งก็เริ่มเห็นภาพทีมเด่นทีมดับของแต่ละลีกชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ
ในบรรดาทีมที่สถานการณ์น่าเป็นห่วงนั้น ชั่วโมงนี้คงไม่มีใครเกิน รีล มาดริด ยอดทีมแห่งลาลีก้า สเปน เจ้าของแชมป์ยุโรป 3 ฤดูกาลหลังสุดอีกแล้ว
“ราชันชุดขาว” ลงสนามเกมลีกฤดูกาลนี้มา 9 นัด มีสถิติ ชนะ 4 เสมอ 2 แพ้ 3 มี 14 คะแนน อยู่อันดับ 7 ของตาราง ตามหลังคู่ปรับตลอดกาล บาร์เซโลน่า จ่าฝูง 4 แต้ม
แต่ที่หนักคือ ผลงาน 5 เกมหลังสุดในทุกถ้วย มาดริดไม่สามารถเอาชนะใครได้เลย แถมยังแพ้ถึง 4 นัด (บุกแพ้ เซบีญ่า 0-3, บุกแพ้ ซีเอสเคเอ มอสโก 0-1, บุกแพ้ อลาเบส 0-1, พ่าย เลบานเต้ คาบ้าน 1-2) เสมอเพียงนัดเดียว (เสมอ แอตเลติโก้ มาดริด 0-0) ที่สำคัญคือทีมยิงประตูคู่แข่งไม่ได้ยาวนานเกือบ 500 นาที เป็นผลงานย่ำแย่ในรอบหลายสิบปีชนิดแฟนบอลกุมขมับ
แม้ว่าสาเหตุของความล้มเหลวช่วงต้นฤดูกาลจะเกิดจากองค์ประกอบหลายส่วน แต่ไม่อาจปฏิเสธได้ว่า คนที่ต้องรับแรงกดดันหนักที่สุดย่อมไม่พ้นกุนซือ ยูเลน โลเปเตกี ซึ่งเสี่ยงจะตกเก้าอี้เพียง 5 เดือนหลังเข้ารับตำแหน่ง
ตอนนี้บรรดาบ่อนพนันถูกกฎหมายจึงเริ่มคาดเดาล่วงหน้าแล้วว่า ใครจะมาเป็นโค้ชคนใหม่ของราชันชุดขาวเพื่อกู้วิกฤตในเวลานี้ ซึ่ง 5 ตัวเต็งที่จะเข้าไปรับช่วงจากโลเปเตกีมีดังนี้
อันโตนิโอ คอนเต้ (อัตรา 6/4)
ก่อนหน้านี้มีข่าวว่าผู้บริหารทีมราชันเริ่มส่งคนไปเจรจากุนซือชาวอิตาเลียนวัย 49 ปีถึงความเป็นไปได้ในการรับงานดังกล่าว เพราะอดีตกุนซือ เชลซี และ ยูเวนตุส พร้อมที่สุดในการเข้ารับตำแหน่งเนื่องจากว่างตั้งแต่โดนสิงห์บลูปลดเมื่อช่วงปิดฤดูกาลที่ผ่านมา
คอนเต้มีผลงานการพาทั้งยูเว่และเชลซีเป็นแชมป์ลีกเป็นเครื่องการันตี แต่สไตล์การเล่นที่เขาถนัดอาจจะไม่เข้ากับสไตล์ของมาดริดยุคหลังๆ เท่าใดนัก เพราะเน้นเรื่องแทกติกมากกว่าสมัย ซีเอนดีน ซีดาน หากเข้าไปรับงานจริงๆ คงต้องเปลี่ยนระบบกันพอสมคร
แม้คอนเต้จะยังพิสูจน์ตัวเองในเวทียุโรปไม่ได้มากนัก แต่ถ้าการมาของเขาช่วยเรียกความมั่นใจของลูกทีมคืนมาได้ ก็น่าจะเพียงพอต่อการเป็นตัวเลือกในสถานการณ์นี้
อาร์แซน เวนเกอร์ (อัตรา 7/2)
หลังจากลาออกจากตำแหน่งผู้จัดการทีม อาร์เซน่อล หลังจากกุมบังเหียนมา 22 ปี เวนเกอร์ก็เปรยๆ ว่าเริ่มคิดถึงวงการลูกหนัง และอาจจะกลับมารับงานคุมทีมอีกครั้งในช่วงต้นปี 2019 แต่หากผู้บริหารมาดริดต้องการตัวแบบเร่งด่วนจริงๆ ก็น่าจะหว่านล้อมให้เขาเปลี่ยนใจคืนวงการเร็วกว่านั้นก็ได้
ในแง่ฝีมือ ไม่มีใครสงสัยในตัว “เดอะ โปรเฟสเซอร์” อย่างแน่นอน ปรัชญาของเขาคือฟุตบอลสไตล์สวยงาม เน้นการครองบอลบุก และนิยมให้โอกาสดาวรุ่งแจ้งเกิดมากมาย น่าจะเหมาะกับการปั้นเด็กจากอคาเดมีของสโมสรขึ้นมา
อย่างไรก็ตาม ผลงานกับปืนใหญ่ในช่วง 2-3 ฤดูกาลหลังเป็นอะไรที่ไม่ค่อยน่าจดจำนัก แถมเวนเกอร์ยังมีสไตล์ค่อยเป็นค่อยไป ไม่ได้เน้นประสบความสำเร็จแบบเร่งรัด คงต้องรอดูว่าถ้าเขาไปรับงานในถิ่นซานเตียโก้ เบร์นาเบว ขึ้นมาจริงๆ จะรับแรงกดดันจากความคาดหวังของแฟนบอลและผู้บริหารทีมได้หรือไม่
เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ (อัตรา 7/1)
โค้ชหนุ่มจาก ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ ตกเป็นเป้าหมายของทีมใหญ่ๆ ในยุโรปหลายแห่ง หลังจากสามารถปั้นไก่เดือยทองจากทีมกลางตารางขึ้นมาเป็นหนึ่งใน “บิ๊ก 6” ที่มีลุ้นเบียดแย่งแชมป์พรีเมียร์ลีกในฤดูกาลหลังๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งบาร์ซ่าที่ทำท่าจะจีบเขามาหลายรอบแล้ว
ว่ากันว่าเหตุผลหนึ่งที่กุนซือชาวอาร์เจนไตน์ปฏิเสธจะรับงานที่คัมป์นู เพราะเขาเคยเป็นทั้งนักเตะและโค้ชของ เอสปันญ่อล สโมสรร่วมแคว้นกาตาลุนญ่า แต่ถ้าเปลี่ยนมาเป็นข้อเสนอของมาดริด คู่ปรับสำคัญของบาร์ซ่าขึ้นมา เจ้าตัวอาจจะเปลี่ยนใจก็ได้
สไตล์การคุมทีมของโปเช็ตติโน่เน้นการผสมผสานระหว่างนักเตะจอมเทคนิคกับดาวรุ่งมีแววดี รวมถึงให้โอกาสนักเตะท้องถิ่นมาตั้งแต่ยุคคุมทีมเอสปันญ่อลแล้ว อาจจะเป็นข่าวดีสำหรับบรรดาดาวรุ่งของราชันที่ยังไม่ค่อยได้รับโอกาสให้แทรกขึ้นทีมชุดใหญ่ของกุนซือยุคหลังๆ เท่าใดนัก
กูตี (อัตรา 10/1)
อดีตลูกหม้อราชันชุดขาวทำหน้าที่โค้ชทีมยู-19 ให้ทีมก่อนจะไปรับงานผู้ช่วยโค้ชที่ เบซิกตัส ในปีนี้
ความที่เป็นคนเก่าคนแก่ โตมากับระบบเยาวชนของสโมสรจนไต่เต้าถึงชุดใหญ่ แถมยังเคยคุมทีมชุดเล็ก ย่อมมีความรู้ความเข้าใจในระบบการทำงานของทีมเป็นอย่างดี แถมยังรู้จักดาวรุ่งที่เคยดูแลมาอย่างลึกซึ้ง อีกทั้งสถานะของเขาย่อมทำให้นักเตะเกรงใจ ไม่แสดงท่าทีต่อต้านหรือลองของตั้งแต่เนิ่นๆ ด้วย
3 ปีที่แล้ว มาดริดเคยเสี่ยงขยับซีดานจากโค้ชชุดเล็กสู่ทีมชุดใหญ่หลังจาก ราฟาเอล เบนิเตซ โดนเด้งจากเก้าอี้อย่างกะทันหัน แม้จะไม่เคยมีประสบการณ์คุมทีมชุดใหญ่มาก่อน แต่ซีดานก็พิสูจน์ฝีมือ พาทีมประสบความสำเร็จในบอลถ้วยยุโรป แม้ว่าเกมลีกอาจจะยังไม่เปรี้ยงปร้างนัก
หากจะลองเสี่ยงกับกูตีอีกสักคนก็คงไม่เกินความคาดหมายแต่อย่างใด
ซานเตียโก้ โซลารี่ (อัตรา 10/1)
อดีตกองกลาง “ซุปเปอร์ซับ” ของมาดริด วัย 42 ปี เริ่มต้นงานโค้ชครั้งแรกกับทีมเยาวชนยู-19 ของสโมสรแห่งนี้ ก่อนจะได้รับมอบหมายให้คุมทีมราชันชุดบีมาตั้งแต่เดือนกรกฎาคมปี 2016 หลังจากซีดานต้องขยับไปคุมทีมชุดใหญ่ ซึ่ง2 ฤดูกาลที่คุมทีมชุดบีของมาดริดมา โซลารี่ทำทีมจบอันดับ 11 และอันดับ 8 ของลีก้า 3 สเปน
กรณีของโซลารี่ก็คล้ายๆ กับซีดานและกูตี ถ้าผู้บริหารต้องการใช้คนในที่รู้เรื่องระบบงานและเข้าใจในปรัชญาของสโมสรเป็นอย่างดีก็อาจจะทำได้เช่นกัน
อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบกับ 2 คนข้างต้นนั้น ด้วยอายุ ประสบการณ์ และชื่อชั้น การขยับโซลารี่ขึ้นไปทำงานใหญ่ในเวลานี้ อาจจะเร็วเกินไปมากจริงๆ
