‘เดอะ แมตช์’ หยุดโลก? ไทเกอร์ วู้ดส์ VS ฟิล มิคเคลสัน

 

ย้อนไปเมื่อปี 2015 แฟนมวยทั่วโลกต่างเฝ้าติดตามการดวลกำปั้นระหว่าง ฟลอยด์ เมย์เวทเธอร์ จูเนียร์ และ แมนนี่ ปาเกียว อย่างใจจดใจจ่อในฐานะ “ไฟต์แห่งศตวรรษ” ระดับครั้งหนึ่งในชีวิต
เนื่องด้วยคนหนึ่งมีดีกรีเป็นแชมป์โลกไร้พ่าย ผู้เข้าใกล้สถิติอมตะนิรันดร์กาล (ณ เวลานั้น) ชนะ 50 ไฟต์รวดของ ร็อคกี้ มาร์เซียโน่ เข้าไปทุกขณะ ขณะที่อีกคนก็มีดีกรีเป็นแชมป์โลก 8 รุ่นคนแรกและคนเดียวของโลก โดยทั้งคู่ต่างได้รับการยกย่องจากสื่อและแฟนๆ ว่าเป็นนักชกที่เก่งที่สุดในโลกเมื่อเทียบแบบปอนด์ต่อปอนด์มาแล้วในยุคหนึ่ง

อย่างไรก็ตาม ในท้ายที่สุด ฟีดแบ๊กของไฟต์หยุดโลกนั้นกลับไม่ได้ดีอย่างกระแสโปรโมต ด้วยสไตล์การชกโดยเฉพาะฝั่งฟลอยด์ที่ไม่ได้เน้นการปะทะแลกหมัดดุเดือด และที่สำคัญกว่านั้นคืออายุอานามของทั้งคู่ที่ปาเข้าไป 36 ปี (ปาเกียว) และ 38 ปี (ฟลอยด์) ในเวลานั้น จึงอยู่ในช่วง “ขาลง” อย่างเห็นได้ชัด

ถึงกระนั้น การจับทั้งคู่มาดวลกันก็เป็นไอเดียที่หลายคนรู้สึกว่าไม่เกิดขึ้นไม่ได้จริงๆ ด้วยชื่อ ชั้น และศักดิ์ศรีของทั้งคู่ รวมถึงความสนใจของสื่อและผู้ชม

Advertisement

บางทีแนวคิดและคอนเซ็ปต์ดังกล่าวนั้นคงใช้อธิบายอีเวนต์สำคัญของวงการกอล์ฟโลกในช่วงสุดสัปดาห์นี้ก็ไม่ต่างกัน

วันศุกร์ที่ 23 พฤศจิกายน สองยอดนักกอล์ฟที่ชื่อเสียงโด่งดังที่สุดของยุคปัจจุบันอย่าง ไทเกอร์ วู้ดส์ และ ฟิล มิคเคลสัน จะมาดวลวงสะวิงกันในอีเวนต์ที่ใช้ชื่อเรียบๆ แต่ตรงประเด็นว่า เดอะ แมตช์ ที่สนามชาโดว์ ครีก ในลาสเวกัส

Advertisement

การดวลกันครั้งนี้มีเงินรางวัลเดิมพันถึง 9 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (297 ล้านบาท) โดยเก็บค่าชมการถ่ายทอดสดแบบเพย์-เพอร์-วิว 19.99 ดอลลาร์สหรัฐ (660 บาท) ในรูปแบบเดียวกับการชกมวยอาชีพ

ก่อนหน้าการแข่งขัน 3 วัน ก็มีการแถลงข่าวแบบเดียวกับก่อนการชกมวยไฟต์ชิงแชมป์โลก ซึ่งทั้งไทเกอร์และฟิลตกลงที่จะเพิ่มความสนุกด้วยการวางเดิมพันส่วนบุคคลเข้าไปอีก โดยฟิลท้าทายว่าขอวางเดิมพัน 100,000 ดอลลาร์สหรัฐ (3.3 ล้านบาท) ว่าเขาจะทำเบอร์ดี้ได้ในการเล่นหลุมแรก ซึ่งไทเกอร์เกทับว่าตัวเองต่างหากที่จะทำได้ โดยวางเดิมพัน 200,000 ดอลลาร์สหรัฐ (6.6 ล้านบาท) สำทับเข้าไป

แน่นอนว่า “เดอะ แมตช์” ครั้งนี้ได้รับการโหมประโคมข่าวจากสื่อตะวันตกมากมายมหาศาล รายการ กอล์ฟ แชนเนล ถึงกับจับนักกอล์ฟสาวชื่อดังในแอลพีจีเอทัวร์มาถามคำถามสั้นๆ ว่าจะเชียร์ใคร หรือคิดว่าใครจะชนะ ในช่วงที่สาวๆ กำลังแข่งขันรายการปิดท้ายฤดูกาล ซีเอ็มอี กรุ๊ป ทัวร์ แชมเปี้ยนชิพ เมื่อสัปดาห์ก่อน (ซึ่ง “โปรเม” เอรียา จุฑานุกาล โปรสาวมือ 1 ของโลกตอบเขินๆ ว่า “ไทเกอร์ค่ะ เพราะเมชอบเขา”)
ในแง่ฝีมือและผลงาน ไม่มีใครเถียงว่าทั้งไทเกอร์และฟิลถือเป็นสุดยอดจริงๆ ด้วยจำนวนแชมป์เมเจอร์ 14 และ 5 รายการ กับแชมป์พีจีเอทัวร์ 80 กับ 43 รายการตามลำดับ

ทั้งคู่ถือเป็นตัวยืนของทีมสหรัฐในศึกกอล์ฟประเพณี ไรเดอร์คัพ มายาวนาน (ก่อนที่วู้ดส์จะประสบปัญหาชีวิตส่วนตัวและอาการบาดเจ็บจนหายหน้าหายตาไปพักหนึ่ง) แต่ติดตรงที่ต่างก็มีคาแร็กเตอร์ที่ไม่ค่อยผสมกลมกลืน หรืออาจจะเรียกว่าต่างก็มีอีโก้ในระดับหนึ่ง เคยมีกัปตันทีมไรเดอร์คัพของสหรัฐบางคนพยายามจับคู่เขาลงแข่งขันด้วยกัน กะว่าคงการันตีชัยชนะ แต่ผลที่ออกมากลับผิดคาดไปพอสมควร

ขณะที่เรื่องชื่อเสียงยิ่งไม่ต้องพูดถึง เพราะขนาดยุคหลังๆ มีนักกอล์ฟสลับสับเปลี่ยนขึ้นมาครองมือ 1 ของโลกหลายราย แต่ในแง่ความนิยมหรือความรับรู้ของแฟนๆ และสื่อแล้ว ยังไงชื่อของไทเกอร์ วู้ดส์ กับฟิล มิคเคลสัน ยังขายได้มากกว่าอยู่ดี

ปัญหาก็คือ “เดอะ แมตช์” นี้ โดนวิจารณ์แบบเดียวกับไฟต์หยุดโลกของฟลอยด์และปาเกียว กล่าวคือทั้งคู่ต่างเลยจุดพีคของตัวเองมาแล้ว แม้ฟิลจะยังพอรักษามาตรฐานของตัวเองเอาไว้ในระดับติดท็อป 20 หรือลุ้นแชมป์อยู่เป็นระยะๆ หรือไทเกอร์คัมแบ๊กกลับมาได้อย่างน่าตื่นตาตื่นใจในปีนี้ แต่โดยรวมก็ยังไม่ถึงขั้นท็อปฟอร์มแบบที่ตัวเองเคยเป็น

ยืนยันได้จากการแข่งขันไรเดอร์คัพที่ฝรั่งเศสเมื่อหลายเดือนก่อน ซึ่งทั้งคู่ติดทีมไปในฐานะโควต้ากัปตันทีม แต่กลับเก็บแต้มให้สหรัฐไม่ได้แม้แต่ครึ่งคะแนน

และขณะที่หลายคนตื่นเต้นรอชมการแข่งขันครั้งนี้อยู่ไม่น้อย ก็มีหลายคนที่บอกว่าไม่สนใจจะดู อาทิ รอรี่ แม็คอิลรอย อดีตนักกอล์ฟมือ 1 ของโลกชาวไอร์แลนด์เหนือ เจ้าของแชมป์เมเจอร์ 4 สมัย

ยังดีว่ากอล์ฟไม่ใช่กีฬาที่ต้องอาศัยความสดของร่างกายเป็นปัจจัยสำคัญเหมือนอย่างมวยหรือกีฬาปะทะอื่นๆ อย่างน้อยๆ “เดอะ แมตช์” ก็ไม่น่าจะลงเอยแบบน่าผิดหวังเหมือนคราวไฟต์หยุดโลกของปาเกียวและฟลอยด์
อย่างน้อยๆ ด้วยความเก๋าของทั้งไทเกอร์และฟิล โดยเฉพาะธรรมชาติของการแข่งขันที่ค่อนข้างเบาๆ สบายๆ ก็น่าจะช่วยให้ผ่านพ้นไปได้

แม้ว่าอาจจะทุลักทุเลอยู่บ้างก็ตาม!

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image