รีวิว “Changsuek The First Eleven” ของดีที่ควรคู่กับแฟนบอล

ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งเอเชีย “เอเชี่ยนคัพ 2019” เปิดฉากกันไปแล้วเมื่อคืนที่ผ่านมา แต่สิ่งที่คนไทยรอคอยคือการลงสนามของ “ช้างศึก” ทีมฟุตบอลทีมชาติไทย ที่จะประเดิมสนามนัดแรกพบกับทีมชาติอินเดีย ในค่ำคืนนี้กัน

และแน่นอนว่าเมื่อเข้าปีใหม่และมีทัวร์นาเมนต์สำคัญ สิ่งที่ตามมาด้วยก็คงหนีไม่พ้นชุดแข่งใหม่ประจำปี 2019 ที่ทำการเปิดตัวอย่างเป็นทางการไปแล้วตั้งแต่วันที่ 18 ธันวาคมที่ผ่านมา

เชื่อว่าหลายคนคงได้เห็น หรือได้สัมผัสชุดแข่งนี้กันไปบ้างแล้ว แต่หลายคนอาจะยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะซื้อมาครอบครองกันดีหรือไม่ ดังนั้นวันนี้ทีมงาน “มติชน” ของเราจะนำเสื้อตัวนี้มาใส่รายละเอียด เพิ่มเติมเข้าไป เพื่อเป็นทางเลือกในการตัดสินใจของแฟน “ช้างศึก” กัน

Advertisement

สำหรับชื่อชุดแข่งช้างศึกประจำปี 2019 ภายใต้การผลิตจากเจ้าของลิขสิทธิ์รายเดิมอย่าง วอริกซ์ ตัวนี้มาในชื่อของ “Changsuek The First Eleven” อันมีความหายถึง 11 ผู้เล่นทีดีที่สุดของทีมชาติไทยที่จะลงสนามไป พร้อมกับมาในคอนเซปต์ “Now or Never” จะสู้ตอนนี้หรือจะยอมแพ้ไปเสียก่อน เพื่อเน้นปลุกใจทั้งแฟนบอลและนักเตะให้ลุกขึ้นสู้จากความผิดหวังที่ผ่านมากัน

สิ่งหนึ่งที่เปลี่ยนไปเลยของชุดแข่งตัวนี้จากชุดที่ผ่านๆ มา นั่นคือเรื่องของสีชุดแข่งขัน ที่ผ่านมาเราจะเห็นชุดทีมชาติไทยเป็นสีน้ำเงินแบบสว่างๆ แต่ครั้งนี้มาในแบบสีน้ำเงินเข้มจนออกเกือบกรมท่า ซึ่งเหตุผลของการเปลี่ยนเฉดสีในครั้งนี้ มาจากการเปลี่ยนแปลงสีในธงชาติของ “ธงไตรรงค์” ที่ประกาศในพระราชกิจจานุเบกษา จึงเป็นที่มาของชุดแข่งสีน้ำเงินเข้มตัวนี้นั่นเอง

Advertisement

ซึ่งตามสไตล์ของวอริกซ์ ก็ได้ทำชุดทีมชาติไทยชุดนี้แบ่งออกมาเป็น 3 รุ่นเพื่อให้แฟนบอลเลือกซื้อกันเช่นเคย แบ่งออกเป็น เกรดเพลเยอร์ เสมือนชุดแข่งของนักเตะจริง, ชุดรีปิก้า ที่เป็นชุดแข่งขันสำหรับแฟนบอล และเสื้อเชียร์

แต่สิ่งที่ต่างออกไปจากทุกๆ ปี คือครั้งนี้ทั้ง 3 ชุด ทำมาในรูปแบบเดียวกันทั้งหมด เรียกว่าถอดแบบกันมาเลยทีเดียว แต่สิ่งที่ไม่เหมือนกันคือเรื่องของเนื้อผ้า และวัสดุต่างๆ ที่นำมาผลิต ที่ทำให้ราคามันต่างกันออกไป แต่ไม่ว่าใส่ตัวไหน ถ้าไม่เข้ามาดูกันแบบละเอียดๆ แทบดูไม่ออกว่าเป็นรุ่นใด

หลังจากที่ได้ลองเสื้อตัวนี้ดูแล้วทั้ง 3 แบบ ต้องบอกว่าเกรดเพลเยอร์ก็คือเกรดเพลเยอร์ วอริกซ์ เน้นวัสดุที่ดีที่สุดในการนำมาทำเสื้อตัวนี้ แบบที่ว่าไม่แปลกใจที่ปีนี้คนเลือกซื้อเสื้อในเกรดเพลเยอร์มากกว่ารีปิก้า เพราะใส่แล้วรู้สึกสบาย เสื้อเบามาก ด้วยความที่เสื้อตัวนี้มี Spendex ทำให้มันมีความยืดหยุ่น

แถมยังมีลูกเล่นบนลายของเสื้อ ถ้าหากนำมามองใกล้ๆ เสื้อตัวนี้จะถูกแบ่งสเกลเป็น 1-1-2-1-1 ซึ่งมันคืออัตราส่วนของธงชาติไทย เหมือนกับว่าเราใส่ธงไตรรงค์อยู่บนตัวเองเลยทีเดียว

จากเดิมทีถ้าคนที่ใส่เสื้อบอลมาเป็นเวลานาน เวลาจะเลือกระหว่างเสื้อเกรดนักเตะกับเกรดแฟนบอล มักจะต้องขยับเพิ่มจากเกรดแฟนบอล 1 ไซซ์ เพราะว่าเสื้อจะเข้ารูป แต่ครั้งนี้ด้วยความที่เสื้อยืดหยุ่นดีมาก และมีการดีไซน์ให้เข้ากับสรีระ จึงทำให้ครั้งนี้เลือกไซซ์เสื้อเกรดเพลเยอร์ ลดลงจากเสื้อแฟนบอล 1 ไซส์ด้วยกัน ดังนั้นใครที่จะไปซื้อต้องลองให้ดีนะครัช

ในขณะเดียวกันเสื้อของเกรดแฟนบอลปีนี้ ก็จัดว่าทำได้ดีไม่แพ้กับเสื้อเกรดเพลเยอร์เลย แม้ว่าจะไม่ยืดหยุ่นเท่ากับเสื้อเพลเยอร์ แต่เนื้อผ้าของเกรดรีปิก้าก็ยังทำให้แฟนบอลใส่แล้วรู้สึกสบาย ซึมซับเหงื่อได้ดี แถมยังแห้งเร็วอีกด้วย

และวัสดุที่นำมาใช้เองก็ไม่ธรรมดา อย่างตัวเฟล็กซ์โลโก้ “ช้างศึก” เป็นโลโก้แบบเดียวกับที่เคยอยู่ในเสื้อทีมชาติเกรดเพลเยอร์ของเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งนั่นก็คือวัสดุที่ดีที่สุดตัวหนึ่งดังนั้นนับว่าคุ้มค่ามากๆ กับคนที่ซื้อเสื้อเกรดรีปิก้ามาใส่ในปีนี้

ไม่ต้องพูดถึงเรื่องราคา ถ้าหากถามว่าควรซื้อตัวไหนมาใส่ดี ต้องบอกก่อนอย่างหนึ่งเลยว่า ถึงแม้เสื้อเพลเยอร์จะใส่ดี ใส่สบาย และดีมากแค่ไหน แต่ด้วยความที่เสื้อเป็นเสื้อมีราคา(พอสมควร) และเป็นเสื้อที่เนื้อผ้าหลายๆ อย่างดีมาก มันเหมาะสมที่จะซื้อเพื่อมาเก็บสะสม หรือใส่ในโอกาสสำคัญเท่านั้น

แต่ด้วยความที่ปีนี้ทีมชาติไทยเป็นปีที่มีโปรแกรมชุกพอสมควร ชุดใหญ่หลังจากจบศึกชิงแชมป์เอเชียแล้ว ยังมีฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทาน “คิงส์คัพ” ครั้งที่ 47 ในเดือนมีนาคม และมีฟุตบอลโลก 2022 รอบคัดเลือก ที่จะเริ่มแข่งขันกันในปีนี้ด้วย แถมชุดเล็กอย่างยู-23 ก็ยังมีศึกชิงแชมป์เอเชีย รอบคัดเลือก ที่เป็นส่วนหนึ่งของการคัดทีมไปโอลิมปิกเกมส์ 2020

ดังนั้นมองว่าถ้าหากเป็นคนที่รักในทีมชาติไทย ชอบสวมเสื้อฟุตบอลเป็นแฟชั่น ใส่ในชีวิตประจำวันบ่อยๆ การเลือกซื้อเสื้อแบบเกรดแฟนบอลหรือริปิก้า มาไว้เพื่อสวมใส่บ่อยๆ ก็นับเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ เพราะว่าตัวเสื้อนั้นไม่ได้ต่างกันมาก แถมราคาย่อมเยา สามารถจับจองเป็นเจ้าของได้ไม่ยาก

ก็หวังว่าข้อมูลเหล่านี้จะเป็นประโยชน์สำหรับผู้ที่ยังลังเลอยู่ว่าจะเสือกตัวไหนดี สามารถตัดสินใจเลือกซื้อมาได้ แล้วมาร่วมกันช่วยเชียร์ทีมชาติไทย ทำผลงานให้ได้ดีตลอดปี 2019 นี้

เริ่มตั้งแต่เอเชี่ยนคัพคืนนี้เลยเป็นไง!!!!!!

ปล.มีข้อมูลแถมท้ายให้เล็กน้อย ซึ่งเป็นส่วนที่หลายคน (รวมถึงนักฟุตบอลเอง) ยังไม่รู้ คือเรื่องของเฟล็กซ์เบอร์เสื้อ ที่นอกจากจะพิเศษด้วยการนำเทคโนโลยีระดับสุดยอด ที่เป็นเฟล็กซ์มาตรฐานเทียบเท่ากับทีมชั้นนำในระดับโลกมาใช้แล้วนั้น ยังแฝงด้วยลูกเล่นด้วยการใส่เส้นสาย ลงไปในเฟล็กซ์ แบบที่ต้องนำแบล็คไลท์มาส่องดู จะเห็นว่าเป็นลาย Warrior’s Pulse (เหมือนเสื้อปีที่แล้ว) ที่สื่อความหมายถึงชีพจรและเสียงเชียร์ของแฟนบอลไทยทุกคนจะติดไปกับเสื้อที่นักฟุตบอลใส่ลงสนามด้วย ซึ่งตอนนี้เฟล็กซ์ตัวนี้ขาดตลาดไปแล้วเรียบร้อย ใครอยากมีของเก๋ๆ แบบนี้เก็บไว้เป็นที่ระลึก ก็ต้องไปหามาจับจองกันให้ได้นะครัช

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image