เมื่อสายฟ้าไม่เปรี้ยง เพราะไร้ ‘ดีโอโก้ หลุยส์ ซานโต’

ฟุตบอล “โตโยต้า ไทยลีก 2019” ผ่านกันไปแล้ว 2 นัด สิ่งที่เซอร์ไพรส์แฟนบอลที่สุดก็คงจะหนีไม่พ้นผลงานของแชมป์เก่าอย่าง “ปราสาทสายฟ้า” บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ที่ออกสตาร์ตช้า เตะไปสองเกมแล้วยังหาชัยชนะไม่ได้เลยแม้แต่เกมเดียว

แชมป์เก่าเริ่มต้นปีด้วยการลงเล่น “ไทยแลนด์ แชมเปี้ยน คัพ” พร้อมกับพลิกสถานการณ์เอาชนะ “กว่างโซ้งมหาภัย” สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด ไปได้ 3-1 ได้ประตูจากกองหน้าดาวรุ่งที่คาดว่าจะขึ้นมาเป็นกำลังสำคัญอย่าง “อาร์ม” ศุภชัย ใจเด็ด ที่ทำ 2 ประตู กับอีก 1 ประตูจาก โมดิโบ ไมก้า กองหน้าดีกรีพรีเมียร์ลีก อังกฤษ

จากนั้นพอเปิดฤดูกาลนัดแรก ก็เป็นการเปิดรังช้าง อารีนา รับการมาเยือนของ “ฉลามชล” ชลบุรี เอฟซี ตอนแรกเหมือนจะทำท่าดี เพราะจากที่โดนนำไปก่อน (อีกแล้ว) ก็กลับมาพลิกแซงจาก 2 ประตูของ “เช็ค” สุภโชค สารชาติ อีกหนึ่งดาวรุ่งที่บุรีรัมย์หมายมั่นปั้นมือเอาไว้ แต่ก็โดนชลบุรี ที่ตอนนั้นเหลือ 10 คนในสนามแล้ว ตามตีเสมอได้ และถึงแม้ท้ายเกมจะเหลือ 9 คนด้วย แต่บุรีรัมย์ก็ไม่สามารถปิดบัญชีเอาชนะได้

จนมากระทั่งเกมล่าสุดบุกไปเยือน “ช้างศึกยุทธหัตถี” สุพรรณบุรี เอฟซี เหมือนว่าปราสาทสายฟ้าจะมีห่วง เพราะกลางสัปดาห์ต้องบุกไปเยือน อุราวะ เร้ด ไดมอนส์ ทีมดังจากเจลีก ญี่ปุ่น ในเกมเอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก ส่งผลถึงการจัดตัวที่พักทั้งศุภชัย, กรกช วิริยะอุดมศิริ และ ศศลักษณ์ ไหประโคน เป็นเพียงสำรอง ซึ่งผลออกมาก็กลายเป็นว่าบุรีรัมย์ไม่สามารถเจาะเจ้าบ้านได้ เกมรุกดูขาดทีเด็ด จนสุดท้ายเสมอแบบไม่มีสกอร์ไปอีก

Advertisement

จริงอยู่ที่ผลงานออกมาแบบนี้ หลายคนอาจจะเซอร์ไพรส์ แต่เชื่อว่าถ้าคนที่ติดตามฟุตบอลมานาน จะรู้เลยว่าสาเหตุหลักๆ ที่บุรีรัมย์ฝืดเช่นนี้ เป็นเพราะพวกเขาขาด “เทพเจ้าสายฟ้า” ดีโอโก้ หลุยส์ ซานโต กองหน้าตัวเก่งที่ย้ายไปอยู่กับ*ยะโฮร์ ดารุล ต๊ะซิม

นี่คือเครื่องหมายคำถามคำโตเลยว่า ปราสาทสายฟ้า จะอยู่อย่างไรเมื่อขาดดาวยิงที่เก่งที่สุดเท่าที่เคยมีนักเตะต่างชาติเข้ามาเล่นในเมืองไทยคนหนึ่ง

Advertisement

ดีโอโก้ ทำสถิติลงเล่นให้กับบุรีรัมย์ในทุกรายการ 154 นัด ทำไปได้ทั้งสิ้น 132 ประตู ขณะที่ในลีกฤดูกาลล่าสุดเอง จาก 76 ประตูที่บุรีรัมย์ทำได้ มากกว่าครึ่งเป็นฝีมือของดีโอโก้ เพราะยิงไป 34 และแอสซิสต์อีก 9 ประตู

ที่ผ่านมาบุรีรัมย์สร้างทีมโดยให้ดีโอโก้ เป็นศูนย์กลางในเกมรุก โดยหวังจะเป็นแกนนำให้กับดาวรุ่งไทย ได้พึ่งพา และหลายๆ ครั้งที่เกมของบุรีรัมย์ตื้อๆ ก็มักจะได้ความพิเศษจากกองหน้าบราซิลรายนี้ สร้างความแตกต่างให้กับทีมได้เสมอ เพียงแต่ตอนนี้ เกมตื้อๆ มองไปหาดีโอโก้ ไม่เจอแล้ว

เรื่องนี้ได้ลองคุยกับแหล่งข่าวของ ฉลามชล ก็ยอมรับว่า การที่ชลบุรีสามรถบุกไปแบ่งคะแนนกลับมาได้นั้น สิ่งสำคัญก็คือการไม่มีดีโอโก้นี่แหละ

ขณะที่ฝั่ง “โค้ชแบน”*ธชตวัน ศรีปาน เฮดโค้ชของสุพรรณบุรี ก็บอกว่า ดีโอโก้ เป็นนักเตะคนสำคัญของบุรีรัมย์ บางจังหวะตันๆ แต่ดีโอโก้ก็สามารถทำให้เกิดประตูขึ้นมาได้ พอถึงวันนี้ไม่มีดีโอโก้ เกมรุกของปราสาทสายฟ้าก็ดร็อปไป และต่างจากเดิมไปชัดเจน ถือเป็นโชคดีของสุพรรณบุรี และทุกๆ ทีม ที่ปีนี้บุรีรัมย์ไม่มีดีโอโก้

ไม่ว่าไปงานแถลงข่าวงานใดที่เจอกับคนของบุรีรัมย์ ไม่ว่าจะเป็น “บิ๊กเน” เนวิน ชิดชอบ เอง หรือ ทัดเทพ พิทักษ์พูลสิน ต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า บุรีรัมย์ จะสามารถรับมือกับการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ได้ เหมือนที่ผ่านมาที่บุรีรัมย์ก็เคยเจอเหตุการณ์ที่ต้องเสียดาวยิงตัวเก่งมาหลายต่อหลายครั้ง

ครั้งนี้จริงๆ บุรีรัมย์ ก็พยายามหาทางรับมือกับการไร้ดีโอโก้ เอาไว้แล้ว ด้วยการดึง 2 กองหน้าต่างชาติอย่าง ไมก้า กับ เปโดร จูเนียร์ เข้ามาเสริมทีม รวมกับการตั้งความหวังไว้กับบรรดาดาวรุ่งไทย ทั้งศุภชัย และสุภโชค

ศุภชัย กับ สุภโชค อาจจะทำผลงานได้ดีในระดับหนึ่ง แต่พวกเขาก็ยังคงเป็นดาวรุ่งที่ต้องการที่พึ่ง แต่ทั้งไมก้า กับ เปโดร เหมือนจะไม่สามารถเป็นที่พึ่งในแนวรุกให้กับพวกเขาได้เลย

ยิ่งไปกว่านั้นช่วงนี้แดนกลางของบุรีรัมย์ ยังไม่มี “โน๊ต” จักรพันธ์ แก้วพรม ที่ยังไม่ฟิต ไม่ได้ลงสนามใน 2 เกมที่ผ่านมา ยิ่งทำให้ขาดความสร้างสรรค์ในแดนกลาง

ต้องยอมรับอย่างหนึ่งว่า บุรีรัมย์ ยังคงเป็นทีมที่คิดเร็ว ทำเร็ว เสมอ ถ้าหากทั้งไมก้า กับ เปโดร ยังไม่สามารถปรับตัว และก้าวขึ้นมาเป็นความหวังให้กับทีมได้ ช่วงเปิดตลาดรอบสองคงได้เห็นการเปลี่ยนแปลงอย่างแน่นอน

เพียงแต่กว่าจะถึงตอนนั้น บุรีรัมย์ จะสามารถเอาตัวรอดให้ตัวเองยังลุ้นแชมป์ได้อยู่หรือไม่
คงต้องไปลุ้นกันดู

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image