สกู๊ปพิเศษ : ผ่าเส้นทาง ‘เศวต เศรษฐาภรณ์’ 15 ปีล่าฝันสู่นักยิงเป้าบิน ‘โอลิมปิก’

สร้างประวัติศาสตร์คว้าโควต้าเข้าร่วมการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกเกมส์ 2020 ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ได้เป็นคนแรกของทัพนักกีฬาทีมชาติไทยสำหรับ “แซม” เศวต เศรษฐาภรณ์ นักกีฬายิงเป้าบินทีมชาติไทยวัย 56 ปี และยังเป็นโควต้าโอลิมปิกเกมส์ครั้งแรกของหนุ่มใหญ่รายนี้ หลังจากทุ่มเทเต็มที่ เพื่้อไล่ล่าความฝันมานานกว่า 15 ปี

เศวต เริ่มต้นเล่นกีฬายิงเป้าบินครั้งแรกเมื่อวัยล่วงเลยกว่า 41 ปีแล้ว ซึ่งแม้อาจจะเป็นการเริ่มต้นที่ช้านักยิงเป้าบินอื่น แต่เขาก็ทุ่มเทเต็มที่จนก้าวขึ้นมาติดทีมชาติไทยในเวลาไม่นาน และตระเวนควักเงินส่วนตัว เพื่อส่งตัวเองไปเข้าร่วมการแข่งขันยิงเป้าบินรายการระดับนานาชาติต่างๆ

จนกระทั่งประสบความสำเร็จหลังเดินบนเส้นทางนี้นานกว่า 15 ปีในศึกยิงเป้าบินชิงแชมป์โลก “เวิลด์ คัพ 2019” ที่เมืองอัลไอน์ ประเทศสหรัฐอาหรับอเมิเรตส์ เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ด้วยการคว้ารองแชมป์ พร้อมกับยิงทำแต้มสูงได้ถึง 122 แต้ม ซึ่งถือเป็นคะแนนสูงสุดในชีวิตการเป็นนักยิงเป้าบินของเขาด้วย

Advertisement

เศวต เล่าให้ฟังว่า เมื่อ 15 ปีก่อนเคยเป็นนักบินไปทั่วประเทศ แต่ช่วงนั้นมีเพื่อนนักบินประสบอุบติเหตุทางอากาศเยอะ ทำให้คุณแม่ขอให้เลิกเป็นนักบิน และก็เลยหันมาเล่นกีฬาสักอย่างก็คือ ยิงเป้าบินแทน ซึ่งก็ได้รับคำแนะนำจากเพื่อน จนเข้ามาลองฝึกยิงเป้าบินดู และกลายเป็นนักกีฬายิงเป้าบินในเวลาต่อไป

“ตอนแรกที่ยิงก็รู้สึกว่าค่อนข้างยาก แต่ก็ได้ศึกษาว่า ยิงเป้าบินมีทั้งประเภทสกีต และแทรป ซึ่งผมก็ลองหันมาฝึกประเภทแทรป พอฝึกได้สัก 1 ปีก็ติดทีมชาติ และก็ได้เข้าร่วมการแข่งขันรายการนานชาติต่างๆ ทั้งซีเกมส์ และเอเชี่ยนเกมส์ ซึ่งก็เข้าร่วมการแข่งขันอยู่ตลอด”

เศวต กล่าวอีกว่า การเล่นกีฬายิงเป้าบินคิดว่ามีความเสี่ยงน้อยกว่าการขับเครื่องบิน เพราะถ้าพลาดหมายถึงชีวิต เครื่องบินพอล้อพ้นจากพื้นเป็นความรับผิดชอบของเราทั้งหมด พอผันตัวมาเป็นนักยิงเป้าบินก็ได้นำทักษะจากการเป็นนักบินมาใช้ในแง่ของความรับผิดชอบ จนพัฒนาตัวเองก้าวขึ้นมาตามลำดับ

Advertisement

“ผมเข้ามาเป็นนักยิงเป้าบินตอนอายุ 41 ปี ซึ่งในวัยนั้นบางคนก็อาจจะปลดระวางแล้ว แต่สิ่งที่ผมได้เปรียบก็คือมีวิธีการจัดเก็บข้อมูลในการฝึกซ้อม และแก้ไขสิ่งต่างๆ รวมทั้งผมก็อาศัยการไปเห็นทักษะจากนักกีฬาต่างชาติ และจำผิดจำถูกนำมาปรับใช้กับตัวเองให้เฟอร์เฟกซ์ที่สุด”

ปัจจุบัน เศวต ประกอบอาชีพเป็นนักธุรกิจสิ่งทำส่งออก และเหล็กแปรรูส่งออก รวมทั้งยังเป็นที่ปรึกษาทางด้านการเงิน ซึ่งที่ผ่านมากว่า 10 ปีเขาใช้เวลาฝึกซ้อมยิงเป้าบินในช่วงวันเสาร์ และอาทิตย์ เป็นหลัก และช่วงวันว่าง แต่ช่วงที่ใกล้จะออกไปแข่งขันก็ซ้อมเยอะหน่อย และมีการแบ่งเวลาทั้งการทำงาน และฝึกซ้อมได้อย่างลงตัว

แต่อีกสิ่งหนึ่งที่ถือเป็นส่วนสำคัญในการช่วยพัฒนาฝีมือคือ มาร์โก คอนติ โค้ชยิงเป้าบินชาวอิตาลี ซึ่งเศวตลงทุนควักเงินส่วนตัวจ้างโค้ชรายนี้มาติวเข้ม และวางแผนการเข้าร่วมการแข่งขันระดับนานาชาติทั้งรายการเวิลด์คัพ และคัดเลือกจากระดับภูมิภาคเอเชีย เพื่อเป้าหมายลุ้นตั๋วโอลิมปิกเกมส์ 2020

เศวตเผยเคล็ดลับว่า ในการยิงเป้าบินจะมีส่วนสำคัญ 3 ส่วนคือ ร่างกาย จิตใจ สติปัญญา ซึ่งจะต้องมีการบริหารความพร้อมให้เท่ากันทั้ง 3 ส่วนก่อนที่จะลั่นไกแต่ละนัด ส่วนทักษะนั้น ทุกคนจะมีอยู่แล้วแน่นอน ดังนั้น หากบริหารใน 3 ส่วนได้ลงตัวเท่ากันเชื่อว่าจะประสบความสำเร็จในรายการต่างๆ ได้แน่นอน

“หากบริหารทั้ง 3 สิ่งได้เท่ากัน ไม่เกิน ไม่ขาด จะลั่นไกได้แต้มแน่นอน หลังจากนี้ผมก็จะนำบทเรียนจดจำเพื่อไปทำซ้ำให้ได้อีกครั้ง ส่วนในโอลิมปิกเกมส์ 2020 สำหรับผมจะไม่หวังเรื่องเหรียญรางวัล เพราะถ้าหวังแล้วจะมีความโลภเกิดขึ้น และทำให้เราคุมจิตเราไม่ได้ และมีแรงกดดัน”

เศวต กล่าวว่า ในโอลิมปิกเกมส์ไม่ใช่สถานที่ที่เราจะตั้งความหวัง แต่เราไปแสดงความพร้อม ไปแสดงให้เห็นว่าประเทศไทยที่เป็นประเทศเล็กๆ ก็สามารถทำได้เท่าทัดกับต่างชาติ โดยเฉพาะกีฬายิงเป้าบินที่เป็นกีฬาถนัดของยุโรป แต่ไทยเราก็ทำได้ และมีความภาคภูมิใจที่เราได้เป็นหนึ่งในครอบครัวโอลิมปิก

สำหรับแผนการเตรียมตัวไปจนถึงสิ้นปีนี้ เศวต เผยว่า ได้วางแผนไว้ว่าในการแข่งขันแต่ละแมตช์การบ้านอยู่ที่การเรียนรู้วิธีการเรียกสิ่งที่เราเคยทำได้ในอดีตให้กลับมาอีกครั้ง แต่ก็เป็นสิ่งท้าทายที่ค่อนข้างยากที่จะทำซ้ำได้อีกครั้ง รวมทั้งพยายามประคองตัวเอง และรีแล็กซ์ตัวเองให้ได้มากที่สุด

ส่วนแผนการเตรียมทีมตั้งแต่ช่วงต้นปีหน้าไปจนถึงโอลิมปิกเกมส์นั้น เศวต บอกว่า จะพยายามเทรนนิ่งจิตใจ และการเตรียมพร้อมเรื่องอุปกรณ์ปืน แว่นตา และอื่นๆ ให้พร้อมเต็มที่ครบทุกด้าน ซึ่งในโอลิมปิกเกมส์ 2020 ก็มีโอกาสที่จะเป็นนักกีฬาที่มีอายุมากที่สุดในมหกรรมด้วยวัยสูงถึง 57 ปี!

“เป้าหมายสูงสุดของนักกีฬาทุกคนคือการไปโอลิมปิกเกมส์ และเป็นสถานที่ที่เราอยากไปโชว์ศักยภาพที่นั่น ตอนนี้ก็ถือว่าทำประสบความสำเร็จหลังจากทุ่มเทมานานกว่า 15 ปี ซึ่งผมก็รู้สึกภาคภูมิใจอย่างมาก โดยต้องขอบคุณทุกฝ่ายที่ช่วยผลักดันให้ผมก้าวมาประสบความสำเร็จก้าวแรกนี้”

ถือว่าเป็นก้าวแรกแห่งความสำเร็จที่ “แซม” เศวต เศรษฐาภรณ์ ทุ่มเทอย่างหนักมานานกว่า 15 ปี และก้าวต่อไปนี้ในโอลิมปิกเกมส์ 2020 จะถือเป็นรางวัลที่ตอบแทนความมุ่งมั่นตั้งใจของเขาที่พิสูจน์ให้ทุกคนได้เห็นว่า แม้จะเริ่มต้นช้ากว่าคนอื่น แต่ด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจก็ก้าวขึ้นมาประสบความสำเร็จได้เช่นกัน

ติดตามข่าวเด็ดกีฬาดัง ทาง Line@ มติชนกีฬา (@matisport) คลิกเลย
เพิ่มเพื่อน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image