ผู้เขียน | Stivie T |
---|
ฟุตบอลลีกยุโรปสำคัญๆ ปิดฉากกันไปหมดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ตอนนี้เหลือเพียง 2 แมตช์สุดท้ายที่สำคัญที่สุดทั้งนัดชิงชนะเลิศของ ยูฟ่า ยูโรป้า ลีก และ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก และอย่างที่รู้กันว่าปีนี้ทั้งสองรายการเป็นการชิงกันเองของทีมจากอังกฤษทั้งสิ้น
ถ้าพูดกันถึงเรื่องของความสำคัญ คงต้องบอกว่ายังแชมเปี้ยนส์ลีก ที่ถ้วยใหญ่กว่า ย่อมต้องสำคัญกว่าแน่นอน แต่ถ้าหากจะพูดถึงดีกรีความมันส์แล้ว เชื่อว่ายูโรปาลีก นัดชิงชนะเลิศ ก็ไม่แพ้กันแน่นอน
ต้องอย่าลืมว่านี่คือเกม “ลอนดอน ดาร์บี้แมตช์” ครั้งแรกในนัดชิงชนะเลิศฟุตบอลยุโรป และแชมป์รายการนี้ก็สำคัญกับทั้งสองทีมในแง่ที่แตกต่างกันออกไป
สำหรับ “สิงโตน้ำเงินคราม” เชลซี นี่คือเกมนัดชิงชนะเลิศนัดที่ 2 ของพวกเขาในฤดูกาลนี้ หลังจากอกหักในนัดชิง คาราบาว คัพ ที่แพ้ดวลจุดโทษให้กับ “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไป
ซึ่ง เมาริซิโอ ซาร์รี่ กุนซือชาวอิตาเลียน ก็คงต้องหันมาเน้นกับถ้วยด้วย แม้ว่าก่อนเกมจะมีข่าวว่า ไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไร เขาก็จะอำลาทีมไปในช่วงซัมเมอร์นี้ก็ตาม แต่อย่างน้อยการจากกันด้วยแชมป์ มันจะสร้างเครดิตให้กับตัวเขาได้มากมายทีเดียว
ขณะที่นักเตะในทีม ก็ต้องการแชมป์ไม่น้อยไปกว่าตัวกุนซือ อย่าง เอเด็น อาซาร์ ที่มีข่าวอย่างต่อเนื่องว่าจะย้ายทีมหลังจบฤดูกาลนี้ ก็คงมองว่านี่จะเป็นการปิดฉากให้ตัวเองในถิ่นสแตมฟอร์ดบริดจ์อย่างสวยงามที่สุดสำหรับเขา
ทางฝั่ง “ปืนใหญ่” อาร์เซน่อล นี่คือเกมนัดชิงชนะเลิศที่มีค่ามากกว่าถ้วยแชมป์ เพราะมันหมายถึงทางลัดได้โควต้าไปเล่นแชมเปี้ยนส์ลีก ในปีหน้าได้เช่นกัน ถ้าหากพวกเขาได้แชมป์ ซัมเมอร์นี้พวกเขาจะมีข้อต่อรองในการเสริมทัพ กับนักเตะดีๆ ที่พุ่งเป้าอยากเล่นในทีมที่ได้ไปถ้วยใหญ่ของยุโรป
อูไน เอเมรี่ กุนซือของทีมปืนใหญ่ ถือว่าเป็นเฮดโค้ชที่มีผลงานอันสุดยอดในถ้วยนี้ พา เซบีย่า คว้าแชมป์ 3 สมัยติดต่อกันได้ และเชื่อว่าตัวเขาเองก็ตั้งเป้าหมายกับถ้วยนี้เอาไว้สูงทีเดียว
ผลงานการดวลกันของสองทีมนี้ในฤดูกาลที่ผ่านมา ก็ถือว่าเป็นฟอร์มแบบบ้านใคร บ้านมัน เชลซีเอาชนะได้ที่สแตมฟอร์ด บริดจ์ 3-2 ส่วนปืนใหญ่ก็เอาคืนได้ที่เอมิเรตส์ สเตเดียม 2-0
แต่นี่คือการเจอกันแบบนัดเดียวปิดบัญชี ไม่ต้องสนหน้าอินทร์หน้าพรหมใดๆ ทั้งสิ้น ใครดีกว่าก็คือแชมป์ไป