ทัพนักเตะ “ชบาแก้ว” ทีมฟุตบอลหญิงทีมชาติไทย มีภารกิจใหญ่ในการเข้าร่วมการแข่งขันฟุตบอลหญิงชิงแชมป์โลก “ฟีฟ่า วีเมนส์ เวิลด์คัพ 2019” ที่ประเทศฝรั่งเศส ช่วงวันที่ 7 มิถุนายน-7 กรกฎาคม 2562 ซึ่งนับเป็นการเข้าร่วมศึกมหกรรมลูกหนังโลกเป็นสมัยที่ 2 ติดต่อกันหลังจากครั้งแรกเพิ่งสร้างประวัติศาสตร์เข้าไปชิงชัยในศึกฟุตบอลหญิงชิงแชมป์โลก 2015 ที่ประเทศแคนาดา เมื่อ 4 ปีที่ผ่านมา…
แต่ในศึกฟุตบอลโลก 2019 ในครั้งนี้ ทัพชบาแก้ว ต้องเจอกับงานหนักหลังถูกจับสลากโคจรมาอยู่ในกลุ่มเอฟร่วมกับ สหรัฐอเมริกา ดีกรีแชมป์โลก 3 สมัย และแชมป์เก่า, สวีเดน รองแชมป์โลกเมื่อปี 2013 และ ชิลี ทีมน้องใหม่ที่ผ่านเข้ามาร่วมชิงชัยในรอบสุดท้ายในฟุตบอลโลกเป็นครั้งแรก แต่เต็มไปด้วยนักเตะฝีเท้าดีมากมาย ทำให้ทีมแข้งสาวไทยต้องเจอกับศึกหนักมากกว่าครั้งก่อนแน่นอน ดังนั้น สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ จึงได้มีการเตรียมพร้อมเต็มรูปแบบทุกด้านให้กับทีมสาวมีความพร้อมเต็มที่ในการเข้าร่วมชิงชัยครั้งนี้
ขณะที่ในส่วนของ การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ซึ่งเป็นหน่วยงานที่กำกับดูแลสมาคมกีฬาแห่งประเทศก็ได้สนับสนุนให้กับสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ และทีมฟุตบอลหญิงทีมชาติไทยอย่างเต็ม ทั้งงบประมาณในการเก็บตัวฝึกซ้อม และการเติมเต็มในด้านวิทยาศาสตร์การกีฬา, จิตวิทยา, โภชนการ และด้านกายภาพให้กับนักเตะสาวไทยให้มีความพร้อมอย่างเต็มรูปแบบในการเข้าร่วมดวลศึกลูกหนังโลก 2019 ในดินแดนแห่งเมืองน้ำหอม
“บิ๊กก้อง” ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการ กกท. ระบุว่า สำหรับทีมฟุตบอลทีมชาติไทยไม่ว่าจะเป็นทีมหญิง หรือทีมชาย กกท.ก็สนับสนุนเรื่องการเตรียมตัวเตรียมนักกีฬาต่างๆ ซึ่งได้สนับสนุนทีมฟุตบอลหญิงในการแข่งขันฟุตบอลโลก 2019 รวมทั้งทาง กกท.เราก็มีโครงการเตรียมแข่งขันกีฬาซีเกมส์ 2019 ที่ประเทศฟิลิปปินส์ ช่วงปลายปีนี้ โดยก็ได้จัดสรรงบประมาณ อีกทั้งโครงการระยะยาวในโครงการ “โร้ด ทู โตเกียว 2020” ในการเตรียมทีมไปสู่กีฬาโอลิมปิกเกมส์ 2020 ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่นด้วย
ผู้ว่าการ กกท.กล่าวอีกว่า กกท.ได้จัดสรรงบประมาณตามโครงการระยะสั้น และระยะยาว ทั้งเรื่องการเก็บตัวฝึกซ้อม ขณะที่การส่งทีมแข้งสาวไทยไปแข่งขันฟุตบอลโลก 2019 ครั้งนี้ กกท.ก็ได้ให้การสนับสนุนในหลายด้าน เช่น เบี้ยเลี้ยงเพิ่มเติม การตรวจสมรรถภาพร่างกาย การตรวจสารต้องห้าม รวมถึงเรื่องประกันชีวิต เพราะเราคำนึงถึงเรื่องสุขภาพร่างกายในกรณีที่นักเตะได้รับอาการบาดเจ็บ และอุบัติเหตุต่างๆ การสนับสนุนทีมแข้งสาวครั้งนี้เราไม่ได้ประเมินเป็นมูลค่าตัวเลข แต่เราคำนึงถึงเรื่องสุขภาพร่างกายต่างๆ เราจึงได้ทำประกันสุขภาพเอาไว้ให้นักเตะสาวไทยด้วย
“การผ่านเข้ารอบสุดท้ายฟุตบอลโลกถือเป็นความสำเร็จระดับหนึ่งแล้ว เพราะว่าเป็นครั้งที่ 2 ที่ทีมฟุตบอลหญิงไทยผ่านเข้ามาร่วมแข่งขัน ถ้าเทียบกับทีมฟุตบอลชายถ้าผ่านเข้ารอบสุดท้ายฟุตบอลโลกได้ก็ถือว่าประสบความสำเร็จแล้ว แต่สำหรับฟุตบอลหญิงไทยคราวนี้เป็นการยืนยันว่าเราไม่ได้ฟลุ๊กกับการไปฟุตบอลโลกได้ เพราะเป็นครั้งที่ 2 แล้ว เป็นฝึมือล้วนๆ ซึ่งต้องชื่นชมนอกจากนักกีฬาแล้วก็ต้องชื่นชมสต๊าฟโค้ช รวมถึงผู้จัดการทีม ผู้ที่เกี่ยวข้อง และสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ด้วยที่มีการบริหารจัดการอย่างเป็นระบบ ทำให้สามารถผ่านเข้าไปรอบสุดท้ายได้” บิ๊กก้องกล่าว
ดร.ก้องศักด กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า สำหรับฟุตบอลหญิงโลก 2019 ครั้งนี้เราอยากที่จะวัดผลงานกันในสนามว่า ทีมแข้งสาวไทยเล่นได้ดีขนาดไหน แต่ไม่ได้ตั้งความหวังไว้ว่าจะต้องผ่านเข้ารอบสอง หรือเข้ารอบต่อไปได้หรือไม่ เพราะต้องยอมรับว่า เราเจอกับทีมร่วมกลุ่มที่เป็นของแข็งร่วม ถ้าหากเราชนะ สหรัฐอเมริกา และสวีเดนได้ถือว่าทีมไทยเรามีลุ้นเป็นแชมป์โลกเลย อย่างไรก็ตาม แม้ตอนนี้ทีมสาวไทยมีการพัฒนามามากแล้วก็จริง แต่เราต้องยอมรับความจริงว่าเรายังไปไม่ถึงการเป็นทีมที่ลุ้นแชมป์โลก
“การเข้าร่วมแข่งขันครั้งนี้เราต้องทำหน้าที่ให้ดีที่สุด เราจะต้องไปทำชื่อเสียง จะต้องไปทำให้คนไทยมีความสุข ผมเชื่อว่าถ้าทีมชุดนี้สามารถเล่นได้ประทับใจคนดู มีผลการแข่งขันที่น่าพึงพอใจ เข้ารอบหรือไม่เข้ารอบไม่ใช่สิ่งสำคัญแล้ว แต่สิ่งสำคัญคือเราสู้เต็มที่ เราไปแสดงศักยภาพ เรามีพัฒนาการ และเล่นได้ประทับใจคนดู ตรงนี้ผมถือว่าเราต้องชื่นชมพวกเธอแล้ว ส่วนเรื่องการลุ้นเข้ารอบต่อไปก็ยังเป็นไปได้อยู่ เพราะฟุตบอลลูกกลมๆ เพียงแต่ไม่อยากให้ตั้งความหวัง และสร้างความกดดันให้นักกีฬาจะดีที่สุด”
สำหรับทีมฟุตบอลหญิงอยู่ร่วมกลุ่มกับทีมลุ้นแชมป์โลก ซึ่งในวงการฟุตบอลหญิงโลกต่างเป็นที่รู้กันอยู่แล้วว่า สหรัฐอเมริกาแข็งแกร่งสมกับการมีดีกรีเป็นแชมป์โลก 3 สมัย ซึ่ง ดร.ก้องศักด ระบุว่า ทีมสาวไทยอาจยังไม่มีศักยภาพเพียงพอต่อการลุ้นแชมป์โลกได้ แต่ถ้าในระดับเอเชียนั้น ทีมไทยก็ยังมีลุ้นติดท็อป 4 อยู่ รวมถึงฟุตบอลโลกครั้งนี้เป็นการชี้วัดว่าเรามีพัฒนาการเพิ่มมากขึ้นเพียงใด เราไปต่อสู้กับทีมชั้นนำของโลกให้สูสีมากขึ้นได้หรือไม่ ถ้าเรามีผลการแข่งขันที่ดีขึ้นก็ถือว่าเราประสบความสำเร็จแล้ว
“การแข่งขันครั้งนี้แม้เราจะแพ้เยอะ แต่ถ้าเราสู้ได้อย่างสนุกตื่นเต้นประทับใจคนดูก็ถือว่าประสบความสำเร็จแล้ว ส่วนตัวผมก็จะเดินทางให้กำลังใจติดขอบสนามด้วย และก็คงจะพูดคุยให้กำลังใจกับทีมด้วย ทั้งนักกีฬา สต๊าฟโค้ช และผู้จัดการทีมด้วยว่าขอให้ทำเต็มที่ และขอให้ทำผลงานให้คนไทยมีความสุข อย่าไปยึดว่าเราจะต้องชนะ หรือจะต้องเข้ารอบต่อไป” บิ๊กก้องกล่าว
สำหรับแนวทางในการส่งเสริมสนับสนุนทีมฟุตบอลหญิงไทยหลังจากนี้ ทาง ผู้ว่าการ กกท.กล่าวว่า สำหรับทีมฟุตบอลหญิงได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า เป็นทีมที่มีศักยภาพ และผ่านเข้าไปรอบสุดท้ายฟุตบอลโลกได้ถึง 2 สมัยติดต่อกันแล้ว แม้ปัจจุบันความนิยมจะไปอยู่ที่ฟุตบอลชาย แต่ส่วนตัวเชื่อว่าฟุตบอลหญิงไทยมีศักยภาพที่จะเติบโตต่อไปได้ ดังนั้น ทาง กกท.ก็จะพร้อมที่จะสนับสนุนต่อไปในทุกรูปแบบ
ดร.ก้องศักด กล่าวอีกว่า เราจะสนับสนุนทีมฟุตบอลหญิงตั้งแต่ระดับเยาวชน และระดับมหาวิทยาลัย ซึ่งเป็นความตั้งใจของทางกกท. อยู่แล้ว โดยจะเป็นส่วนหนึ่งที่ทาง กกท.จะไปพูดคุยกับคณะกรรมการพัฒนากีฬาฟุตบอลฯ ซึ่งเป็นคณะกรรมการร่วมระหว่าง กกท. และสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ เรื่องหนึ่งที่เราจะต้องมีการพูดคุยกันในการพัฒนาก็จะรวมถึงทีมฟุตบอลหญิงด้วย
“กกท.ยินดีที่จะสนับสนุนการทำงานของสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ เต็มที่ โดยเฉพาะการพัฒนาทีมฟุตบอลหญิงตามแผนโร้ดแมปซึ่งโปรแกรมหลังจากนี้ก็จะยังมีการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ 2019 ที่ประเทศฟิลิปปินส์ ที่เราสามารถคาดหวังถึงเหรียญรางวัลได้ รวมทั้งการคัดเลือกไปสู่กีฬาโอลิมปิกเกมส์ 2020 ที่ประเทศญี่ปุ่นต่อไป โดยเราจะเป็นที่จะต้องมีการเตรียมพร้อมต่อไป เพื่อความหวังของทีมฟุตบอลหญิงไทยไปสู่โร้ดทูโตเกียว เราก็คาดหวังว่าจะมีโอกาสผ่านเข้าไปถึงรอบสุดท้ายได้ เราก็พร้อมที่ร่วมกันจับมือเดินหน้ากับสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ เพื่อทำตามเป้าหมายต่อไป” ผู้ว่าการ กกท. กล่าวปิดท้าย
“ชบาแก้ว” ทีมฟุตบอลหญิงทีมชาติไทยได้พิสูจน์แล้วว่า ได้ก้าวขึ้นมาเป็นส่วนหนึ่งในสังเวียนการชิงชัยระดับโลก ซึ่งหากไม่เดินหน้าพัฒนายกระดับทีมต่อไปเราอาจจะถอยหลังกลับไปสู่จุดเดิม
แต่หากทุกฝ่ายทั้ง สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ, การกีฬาแห่งประเทศไทย และทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องร่วมมือกันพัฒนาต่อไป ทีมแข้งสาวไทยก็จะก้าวไปสู่จุดสูงขึ้นกว่าเดิม และจะไม่ได้เป็นเพียงไม้ประดับในศึกลูกหนังหญิงโลกอีกต่อไป…
ติดตามข่าวเด็ดกีฬาดัง ทาง Line@ มติชนกีฬา (@matisport) คลิกเลย
