หลายๆ ปีที่ผ่านมา คนมักจะมองกันว่าเกมชิงถาดการกุศลอย่าง คอมมิวนิตี้ ชิลด์ นั้น เป็นเหมือนแค่เกมอุ่นเครื่องเตรียมตัวก่อนจะเปิดฤดูกาลเท่านั้น
แต่ทว่าในเกมระหว่าง “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ กับ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ต้องบอกว่าเป็นเกมชิงถาดที่สนุกที่สุดในรอบหลายๆ ปีเลยทีเดียว
เกมนี้ทั้ง เป๊ป กวาร์ดิโอล่า และ เจอร์เก้น คล็อปป์ ต่างฝ่ายต่างงัดทีเด็ด งัดแท็กติกของตัวเองออกมาลับสมองกัน เพื่อเป็นการเตรียมตัวครั้งสุดท้ายก่อนจะเปิดฤดูกาลใหม่ ซึ่งผลที่ออกมาที่้เห็นเลยก็คือต่างฝ่ายต่างชนะกันไปคนละครึ่งเวลา
ครึ่งแรก เป็นช่วงเวลาของเรือใบสีฟ้า วางหมากมาจัดการหงส์แดงได้เป็นอย่างดี ประเดิมด้วยการใช้ False9 ให้ ราฮีม สเตอร์ลิ่ง เป็นกองหน้าตัวเป้า ซึ่งก็สามารถทำประตูแรกใส่หงส์แดงได้นับตั้งแต่ย้ายทีมไป อีกแท็คติกหนึ่งก็คือการกดดันแบ๊ก 2 ข้างของลิเวอร์พูล ที่เป็นทีเด็ดในฤดูกาลที่ผ่านมา ไม่ให้เติมเกมได้เลย จนกลายเป็นเกมรุกหงส์ก็ตื้อไปเช่นกัน
อย่างไรก็ตามครึ่งหลังกลับเป็นทางด้านคล็อปป์ที่แก้เกมรวมถึงปลุกจิตใจลูกทีมมาได้ดี วิ่งบดขยี้เรือใบสีฟ้า จนแทบจะหาโอกาสบุกขึ้นมาได้น้อยมาก ถ้าไม่ใช่จังหวะสวนกลับ และน่าจะปิดเกมในเวลาได้ด้วยซ้ำ ถ้าหากแนวรุกเฉียบคมกว่านี้สักนิดหนึ่ง
ทว่าสิ่งที่น่าสนใจก็คือการเจอกันของสองทีมนี้ ต่างฝ่ายต่างเขี้ยวมากๆ จนเราจะเห็นเลยว่าการเข้าทำจากโอเพ่นเพลย์นั้นยากมาก 2 ประตูที่เกิดขึ้นในเกมมาจากลูกตั้งเตะทั้งนั้น ตอกย้ำว่าระดับของสองทีมนี้มันยังคงสุดยอดเหมือนเดิม
การเติมโรดรี้เข้ามาของแมนฯ ซิตี้นั้น ตอนนี้อาจจะยังไม่ทดแทน แฟร์นันดินโญ่ ได้แบบเรียบเนียน ไร้รอยต่อก็ตาม แต่แสดงให้เห็นว่านักเตะรายนี้มีความสามารถ และทำให้เรือใบแข็งแกร่งขึ้นมาอีกขั้น
ส่วนฝั่งของลิเวอร์พูล อาจจะไม่ได้มีการเสริมทัพ แต่เราได้เห็นว่าถ้านักเตะเอาจริง ไล่บีบคู่แข่งแบบไม่มีหมดได้ ก็ยังคงเป็นทีมที่น่ากลัวเสมอ คิดดูว่าในโลกนี้จะมีสักกี่ทีมที่จะกดเรือใบจนโงหัวไม่ขึ้นขนาดนี้ได้บ้างในเวลานี้ คงเหลือแค่ลิเวอร์พูลทีมเดียวเท่านั้น
การเจอกันของ 2 ทีมนี้ในเกมชิงถาด เป็นการประกาศศึกเลยว่า ถ้าใครที่จะหาญกล้าขึ้นมาลุ้นแชมป์ลีกกับทั้ง 2 ทีม ก็ต้องทำให้ได้ระดับเดียวกันให้ได้
ไม่งั้นสุดท้ายก็คงจะลุ้นกันอยู่ 2 ทีมนี่แหละ
