บางครั้งเรื่องของโชคชะตาบางทีมันก็เล่นตลกกับเรารุนแรงเหลือเกิน
ซิมง มินโญเล่ต์ ยืนมือ 1 ของ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล มาเกือบตลอดในช่วงเวลาที่เขาอยู่กับทีม จนกระทั่งการมาของ อลิสซง เบ็คเกอร์ ทำให้เขาต้องเสียตำแหน่งไปแบบสู้ไม่ได้ เพราะมันเห็นได้ชัดว่านายทวารบราซิเลียน คือผู้นำพาแชมป์มาสู่ทีมหงส์แดงจริง
ฤดูกาลที่แล้ว ในพรีเมียร์ลีก 38 นัด 3,420 นาที กับยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก 13 นัด 1,170 นาที นายด่านเบลเจี้ยนไม่มีโอกาสได้ลงมาสัมผัสแม้เสี้ยววินาที เพราะว่าอลิสซงไม่มีบาดเจ็บหรือติดโทษแบนเพื่อเปิดโอกาสให้เขาแม้แต่นิดเดียว มินโญเล่ต์ได้ลงสนามเพียงแค่ 2 นัด ในเกมคาราบาว คัพ รอบ 3 กับเอฟเอ คัพ รอบ 3 เท่านั้น
สิ่งที่ต้องชื่นชมคือทัศนคติต่างๆ ที่เขามีให้กับทีมมันดีมากๆ แต่สุดท้ายเขาก็ต้องการการได้ลงสนาม แม้ว่าลิเวอร์พูลจะพยายามรั้งขนาดไหน แต่สุดท้ายแล้วเจ้าตัวก็เลือกจะกลับบ้านเกิดไปอยู่กับสโมสรคลับ บรูช
ส่วนอีกคนหนึ่งอย่าง อาเดรียน ในวัย 32 ปี เขาถูกมองเป็นส่วนเกินของทีม “ขุนค้อน” เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ที่ไม่ต่อสัญญาฉบับใหม่กับเขา แล้วตัวเขาเองก็ไม่สามารถหาทีมลงเล่นได้ จนต้องระเห็จกลับไปซ้อมกับทีมเก่าอย่าง รีล บายาโดลิด
เดิมทีเขาเกือบจะได้สัญญากับทีมจากสเปนแล้ว ถ้าไม่มินโญเล่ต์ไม่ย้ายทีม จนทำให้ลิเวอร์พูลต้องรีบติดต่อไป และทำให้อาเดรียนแทบจะไม่ต้องใช้เวลาคิด เลือกมาอยู่กับทีมแชมป์ยุโรป 6 สมัยในทันที
เพียงแต่เหมือนโชคชะตาช่างเล่นตลกกับตัวเขา มาอยู่กับทีมได้เพียง 5 วัน นายด่านมือ 1 ที่ไม่เคยเจ็บไข้ได้ป่วย กลับเตะเปิดบอลพลาดจนเกิดอาการบาดเจ็บที่กล้ามเนื้อน่อง แล้วต้องถูกหามออกจากสนามทันที ทำให้อาเดรียน ได้รับโอกาสมาแบบไม่คาดคิด
เท่านั้นยังไม่พอ อาการบาดเจ็บของอลิสซงนั้นต้องพักนานมากกว่า 2-3 สัปดาห์แน่ๆ ทำให้เขานี่แหละที่มีโอกาสได้ลงสนามในเกมสำคัญอย่าง ยูฟ่า ซุปเปอร์คัพ
แม้ว่าเรื่องของการป้องกันประตูอาจจะยังไม่สามารถทดแทนมือ 1 อย่างอลิสซงได้ แต่เขากลับช่วยเซฟจุดโทษให้ทีมคว้าแชมป์มาครองได้สำเร็จ จากซีโร่ จึงกลายมาเป็นฮีโร่ในบัดดล
นี่ยังไม่รวมถึงนายทวารอีกหนึ่งคนอย่าง แอนดี้ โลเนอร์แกน ในวัย 35 ปี ซึ่งได้รับอานิสงส์จากอาการบาดเจ็บของอลิสซง ทำให้เขาได้รับสัญญาระยะสั้นกับทีม เพื่อเป็นนายทวารสำรองให้อาเดรียนอีกที อยู่กับทีมไม่กี่วันก็ได้เหรียญแชมป์ระดับยูฟ่า ซุปเปอร์คัพ มาครองไปแล้ว
โอเคหล่ะ แม้ว่าตอนนี้แฟนหงส์แดงจะถวิลหาอลิสซง เบ็คเกอร์กันขนาดไหนก็ตาม คงได้แค่ภาวนาให้กลับมาได้ไวที่สุดเท่าที่จะทำได้
เพียงแต่สุดท้ายเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า แข่งเรือแข่งพายแข่งกันได้ แต่แข่งบุญแข่งวาสนาทำกันไม่ได้จริงๆ
ติดตามข่าวเด็ดกีฬาดัง ทาง Line@ มติชนกีฬา (@matisport) คลิกเลย
