บิ๊กแมตช์ของพรีเมียร์ลีก สัปดาห์นี้ ต้องยกให้การเจอกันของ เชลซี กับ ลิเวอร์พูล ในวันอาทิตย์
แมตช์นี้ถือเป็นโอกาสที่จะได้เห็นลิเวอร์พูลหยุดสถิติชนะรวดในเกมลีกมากที่สุด จาก 6 แมตช์ของต้นฤดูกาล หลังจากไร้เทียมทานเก็บชัยชนะรวด 5 นัด และชนะ 14 นัดรวดในพรีเมียร์ลีก นับตั้งแต่ฤดูกาลที่แล้ว นำจ่าฝูงแบบเดี่ยวๆ
เชลซีของ แฟร้งก์ แลมพาร์ด ยังไม่ค่อยแน่นอน เสมอได้กับทีมที่น่าชนะ และชนะได้กับทีมแข็ง เห็นได้ชัดในเกมที่บุกชนะ วูล์ฟส์ ขาดลอย 5-2 เมื่อสัปดาห์ก่อน ทั้งๆ ที่กูรูคาดการณ์กันไว้ไม่เสมอก็คงแพ้ แต่สัปดาห์ก่อนหน้าโดน เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ไล่ตีเสมอท้ายเกม 2-2 ทั้งๆ ที่นำก่อน 2-0 และเล่นในบ้าน
อย่างไรก็ตามทั้งคู่ก็ไปแพ้ในเกมแชมเปี้ยนส์ลีกมาทั้งคู่ ทำให้นักเตะของทั้งสองทีมประกาศแล้วว่า สัปดาห์นี้จะต้องล้างอายคว้า 3 แต้มให้ได้เท่านั้น
เจ้าบ้านเชลซีมีลุ้นได้ตัว เอ็นโกโล่ ก็องเต้ มิดฟิลด์ฝรั่งเศสกลับมาช่วยทีมได้ ส่วน เมสัน เม้าท์ เพลย์เมกเกอร์ฟอร์มแรงก็ต้องลุ้นว่าจะฟิตทันหรือไม่ รูเบน ลอฟตัส-ชีก และ อันโตนิโอ รูดิเกอร์ ยังเจ็บ ส่วนลิเวอร์พูลยังไม่มี อลิสซอน เบ็คเกอร์ นายทวารมือหนึ่ง นาธาเนียล ไคลน์, นาบี้ เกอิต้า และ ดิว็อก ออริกี้
ลิเวอร์พูลเป็นทีมที่ยิงประตูได้สนุกเท้ามากๆ ตั้งแต่ฤดูกาลที่แล้ว 14 นัดที่ชนะรวดมา ยิงได้ต่ำสุด 2 ประตูทุกนัด และขึ้นนำคู่แข่งได้ตั้งแต่ครึ่งแรก 8 แมตช์ติดต่อกันแล้ว ส่วน 5 แมตช์หลังสุด ยิงเฉลี่ยที่ 2.5 ประตู เรียกได้ว่าแนวรุกอันตรายมาก แต่แนวรับก็เสียประตูให้เห็นอยู่เรื่อยๆ 5 นัดแรกของฤดูกาล คลีนชีตแมตช์เดียวในเกมบุกชนะ เบิร์นลีย์ 3-0
เชลซีอาจจะเริ่มต้นไม่ได้ดั่งใจแฟนบอลเท่าไร แต่ก็เริ่มกลับมาเป็นทีมที่มีทรงมากขึ้น 3 นัดหลังยิงเฉลี่ย 2.5 ประตูต่อเกม 5 เกมหลังสุดในการเป็นเจ้าบ้าน ก็ยิงไม่ต่ำกว่า 2 ลูกเช่นกัน ที่สำคัญไม่แพ้การเล่นเกมลีกในสแตมฟอร์ด บริดจ์มาแล้ว 11 นัด
ปัญหาที่น่าห่วงของเชลซี คือ แนวรับที่เอาแน่เอานอนไม่ได้ 3 เกมหลังสุดในพรีเมียร์ลีก เสีย 2 ประตูทุกนัด ทั้งกับนอริช, เชฟฯยู และวูล์ฟส์ ขนาดว่าไม่ได้เจอกับทีมโหดๆ ยังดูไม่จืด มาเจอกับทีมหงส์แดงที่แนวรุกครบเครื่องขนาดนี้ น่าจะโดนยิงแน่ๆ
รูดิเกอร์เจ็บ เคิร์ท ซูม่า เอาแน่เอานอนไม่ได้ อันเดรียส คริสเตนเซ่น ต้องแบกรับภาระอย่างหนัก ฟิกาโย่ โทโมรี่ ประสบการณ์อาจจะยังไม่มากพอ ทำให้ฤดูกาลนี้ เชลซียังไม่มีนัดไหนเลยที่ไม่โดนยิง แต่เคราะห์ดีที่กองหน้ามายิงประตูได้เป็นกอบเป็นกำ โดยเฉพาะ แทมมี่ อับราฮัม ที่กดไปแล้ว 7 ลูกในฤดูกาลนี้
อย่างไรก็ตามการเจอกันในยูฟ่า ซุปเปอร์คัพ เมื่อเดือนก่อน เชลซีที่อยู่ในสภาพเมาหมัดเพราะโดน แมนฯยู ถล่มมา 4-0 กลับสู้กับลิเวอร์พูลได้แบบสนุก แพ้แค่จุดโทษตัดสินเท่านั้น
นับเป็นการเจอกันของทีมที่กองหน้าจัดจ้านทั้งคู่ แต่หงส์แดงได้เปรียบกว่าที่เกมรับ ส่วนสิงโตน้ำเงินครามเอาการได้เล่นในบ้านมาช่วยได้ ทำให้นักเตะไม่กลัวจ่าฝูง และวิ่งสู้ฟัดกันอย่างสนุกแน่ๆ
เชื่อว่าจะเป็นแมตช์ที่ยิงประตูกันกระจุย เพราะไม่มีทีมไหนมาตั้งรับให้เสียฟอร์ม แลมพาร์ดก็ไม่อยากถูกมองว่าชนะทีมใหญ่ไม่เป็น และลิเวอร์พูลก็ต้องการจะเดินหน้าคว้าชัยชนะ 15 นัดติดในลีกต่อไป
