ในช่วงปลายปีเช่นนี้ หลายๆ คนอาจมองไปยังการหยุดพักร้อน วางแผนเที่ยวส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่กันอย่างเต็มเหนี่ยว
อย่างไรก็ตาม ทัพวอลเลย์บอลหญิงทีมชาติไทย อาจมีเวลาเที่ยวเล่นน้อยกว่าแฟนๆ เนื่องจากอัดแน่นไปด้วยโปรแกรมแข่งขันสุดสำคัญอย่าง ซีเกมส์ 2019 และ ศึกคัด โอลิมปิก 2020 โซนเอเชีย
เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา “ซาร่า” นุศรา ต้อมคำ มือเซตกัปตันทีมชาติ นำทีมรุ่นน้องอย่าง “เตย” หัตถยา บำรุงสุข , “เพียว” อัจฉราพร คงยศ และ “บุ๋มบิ๋ม” ชัชชุอร โมกศรี ได้มาพบปะแฟนๆ ในงาน “ไทยแลนด์ สปอร์ต เอ็กซ์โป 2019” โดยถือโอกาสอัปเดตถึงการเตรียมตัวและขอกำลังใจจากแฟนๆ
“ในช่วงนี้ทีมวอลเลย์บอลหญิงทีมชาติไทยกำลังเตรียมตัวและฝึกซ้อมอย่างเข้มข้น ก่อนการแข่งขันซีเกมส์จะเริ่มขึ้นในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน และรายการใหญ่อย่างวอลเลย์บอลหญิงโอลิมปิกเกมส์ 2020 รอบคัดเลือกโซนเอเชียในต้นปีหน้า ซึ่งเป็นความฝันใหญ่ที่ทีมไทยเรานั้นหวังจะทำให้ได้” นุศรา ระบุ
สำหรับทีมสาวไทยมีโปรแกรมลุยศึกซีเกมส์ 2019 ครั้งที่ 30 ระหว่างวันที่ 30 พฤศจิกายน – 11 ธันวาคมนี้ ที่ประเทศฟิลิปปินส์ ซึ่งในประวัติศาสตร์การแข่งขันซีเกมส์ ทีมลูกยางสาวไทยที่เป็นเจ้าของเหรียญทองมากที่สุด 13 ครั้ง และทำได้ติดต่อกัน 11 สมัยหลังสุด
แต่เมื่อมีดีกรีเป็นตัวแม่ของการแข่งขัน ย่อมตกเป็นเป้าหมายในการเอาชนะจากทีมคู่แข่งอย่าง ฟิลิปปินส์ แชมป์เก่า 6 สมัย, อินโดนีเซีย แชมป์ 1 สมัย และ เวียดนาม เป็นต้น
ทีมไทยได้ลองเชิงกับทีมเหล่านี้มาแล้วในรายการพิเศษอย่าง อาเซียน กรังด์ ปรีซ์ 2019 เมื่อปลายเดือนกันยายนและต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา แม้ทีมไทยจะใช้ชุดผสมระหว่างตัวเก๋ากับดาวรุ่งเก็บชัยชนะ 6 แมตช์รวด และคว้าแชมป์ทั้ง 2 สนาม แต่ก็แอบพลาดเสียเซตให้กับฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย จึงเป็นเครื่องหมายว่าจะประมาทไม่ได้เด็ดขาด เพราะการเป็นยักษ์ใหญ่ในอาเซียน ล้มเมื่อไหร่เสียงดังแน่นอน
นุศรา ต้อมคำ เปิดใจถึงภาพรวมของทีมชาติไทยในฐานะกัปตันทีมว่า หากมองจากตัวผู้เล่นที่มีอยู่ตอนนี้คิดว่า วอลเลย์บอลไทย มีโอกาสก้าวหน้ามากขึ้น และจะไม่ถอยหลังแน่นอน เพราะเด็กรุ่นใหม่ได้เก็บประสบการณ์ระดับสูงตั้งแต่อายุน้อยๆ ซึ่งประสบการณ์ในเวทีระดับโลกเป็นสิ่งที่จะทำให้เก่งขึ้นและเติบโตต่อไป
“การที่ทีมชาติได้สร้างนักกีฬารุ่นใหม่ๆ มาตลอด ถือเป็นการปูพื้นฐานที่ดี ซึ่งพี่ๆ ก็ต้องเป็นแบบอย่างให้รุ่นน้องด้วย เพราะสิ่งที่ดีกว่าคำสอน คือการลงมือทำเป็นตัวอย่างให้ได้เห็น” นุศรา กล่าว
ขณะที่ “เพียว” อัจฉราพร ย้อนความสมัยที่เข้ามาเป็นนักกีฬาใหม่ๆ ว่าเกร็งมาก เพราะรู้สึกว่าไม่เก่งเท่าพี่ๆ ทำไมไม่ฝีมือดีเท่าคนอื่น แต่อัจฉราพรเผยว่ามีรุ่นพี่อย่างนุศราได้ให้กำลังใจที่จำติดตัวเสมอมาว่า “แกเป็นคนที่มีฝีมือนะ ถ้าสามารถก้าวผ่านจุดนี้ไปได้ แกจะเป็นคนที่เก่งมากๆ คนหนึ่ง พี่อยากให้แกสู้และผ่านไปให้ได้”
ด้าน “เตย” หัตถยา บอลเร็วคลื่นลูกใหม่ เปิดใจว่า การผสมผสานระหว่างเด็กรุ่นใหม่กับรุ่นพี่ย่อมเป็นงานที่ยาก เพราะนักกีฬาใหม่ๆ ที่เข้ามามีประสบการณ์และทักษะที่แตกต่างจากรุ่นพี่ จึงต้องคอยขอคำแนะนำและฝึกฝนตัวเองอยู่ตลอด เช่นเดียวกับ “บุ๋มบิ๋ม” ชัชชุอร ที่บอกว่ากดดันแบบสุดสุดสมัยที่ติดทีมชาติใหม่ๆ แต่ก็ได้คำแนะนำจากรุ่นพี่ช่วยลับฝีมือเรื่อยมา
ส่วนรายการที่ทัพสาวไทยวาดฝันว่าจะไปแข่งขันรอบสุดท้ายให้ได้สักครั้งในชีวิตอย่าง “โอลิมปิก” ทีมไทยมีโปรแกรมแข่งขันรอบคัดเลือกโซนเอเชีย ระหว่างวันที่ 7-12 มกราคม ปีหน้า ที่จังหวัดนครราชสีมา
ทีมบิ๊กเนมอย่าง ญี่ปุ่น ได้สิทธิในฐานะเจ้าภาพโอลิมปิก 2020 และ จีน ก็คว้าตั๋วไปตั้งแต่รอบคัดเลือกรวมทั่วโลกไปแล้ว จึงไม่ต้องมาแข่งขันรอบคัดระดับทวีปอีก
ทำให้ไทยต้องชิงโควต้า 1 ใบสุดท้ายของโซนเอเชียกับคู่แข่งอย่าง อิหร่าน, คาซัคสถาน, ไต้หวัน, อินโดนีเซีย, ออสเตรเลีย และ เกาหลีใต้ อดีตทีมเพื่อนรักที่เป็นงานหินและก้างขวางคอชิ้นโต (ล่าสุดฮ่องกงขอถอนตัว)
แฟนๆ ชาวไทย คงต้องลุ้นกันหนักๆ ว่าทีมลูกยางสาวไทยจะทำความฝันลุยโอลิมปิกเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ได้หรือไม่ ก่อนที่บรรดาแก๊งมือตบรุ่นเซียนอย่าง นุศรา, ปลื้มจิตร์ ถินขาว, วิลาวัณย์ อภิญญาพงศ์, อรอุมา สิทธิรักษ์ และ มลิกา กันทอง จะวางมือในอนาคตอันใกล้
โดยนุศรากล่าวทิ้งท้ายไว้ว่า “ถ้าทุกคนศรัทธาในสิ่งที่ทำ สิ่งนั้นย่อมมีโอกาสประสบความสำเร็จได้” ดังนั้นขอให้แฟนๆ ชาวไทยร่วมให้กำลังใจและสู้ไปด้วยกัน จะไม้ประดับหรือมดคันไฟ อย่างน้อยก็ได้ความภาคภูมิใจกลับมาแน่นอน
ติดตามข่าวเด็ดกีฬาดัง ทาง Line@ มติชนกีฬา (@matisport) คลิกเลย
