สกู๊ปพิเศษ : ‘8 พระกาฬ’ ลูกหนังเอเชีย ทีมไหนจะคว้าตั๋วโอลิมปิก ‘โตเกียว2020’

ในที่สุดเราก็ได้ 8 ทีมพระกาฬแห่งศึก ฟุตบอลชิงแชมป์เอเชีย 2020 รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปีกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว…

ก่อนอื่นก็ต้องขอชมเชย “ช้างศึกหนุ่ม” ทีมฟุตบอลไทย รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี ที่ลบคำครหาจากการตกรอบแรก ซีเกมส์ ที่ประเทศฟิลิปปินส์ สามารถสร้างประวัติศาสตร์ ทะลุผ่านเข้ารอบน็อกเอาต์ในรายการนี้ได้เป็นครั้งแรก

กลับกันกับทางด้านแชมป์ซีเกมส์ และรองแชมป์เก่ารายการนี้อย่าง “ดาวทอง” เวียดนาม กลับพลาดท่าตกรอบด้วยการเป็นบ๊วยของกลุ่มดี หรืออย่าง “ซามูไรบลูส์” ญี่ปุ่น ก็ตกรอบเช่นกันด้วยผลงานที่ไม่ชนะใครเลยสักนัดเดียว

สืบเนื่องจากการตกรอบของญี่ปุ่น ทำให้จาก 8 ทีมที่เหลือ ต้องแย่งชิงอย่างหนัก เพื่อจะคว้า 3 โควต้าสุดท้ายที่จะไป โอลิมปิกเกมส์ 2020 ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ให้ได้ เรามาไล่เรียงกันทีละทีมเลยว่า 8 ทีมที่ยังคงมีลุ้นตั๋วไปโอลิมปิกเกมส์ รอบสุดท้าย มีชาติใดเหลืออยู่บ้าง

Advertisement

เริ่มกันที่ทีมแรก “ช้างศึกหนุ่ม” ทีมชาติไทย ของเรา สามารถระเบิดฟอร์มแบบพลิกความคาดหมายตั้งแต่เกมแรก ด้วยการถล่มเอาชนะ บาห์เรน 5-0 ด้วยกัน ทำให้แม้ว่านัดที่ 2 จะพลาดท่าพ่ายให้กับ ออสเตรเลีย 1-2 แต่ก็ทำให้อยู่ในสถานการณ์ที่ดีในนัดสุดท้ายที่ขอแค่ผลเสมอก็จะเข้ารอบได้

ก่อนจะยันเสมอ อิรัก 1-1 และผ่านเข้ารอบเป็นอันดับ 2 ของกลุ่มสำเร็จ โดยที่ดาวซัลโวของทีมตอนนี้คือ “เท่ห์” เจริญศักดิ์ วงษ์กรณ์ ที่ซัดไปแล้ว 3 เม็ดด้วยกัน

ทีมต่อมาคือ “ซอคเกอร์รูส์” ออสเตรเลีย อยู่ร่วมกลุ่มเดียวกับไทย ด้วยผลงานชนะ 1 เสมอ 2 เพียงพอให้ออสซี่ สามารถเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้ายได้ นัดแรกพวกเขาถูกอิรักไล่ตีเสมอ 1-1 จากนั้นพลิกสถานการณ์เอาชนะไทย 2-1 และปิดท้ายด้วยการเสมอ บาห์เรน 1-1 โดยผู้ทำประตูสูงสุดของออสเตรเลีย คือ นิโคลัส ดากอสติโน่ ที่เหมา 2 ดอกในเกมที่เอาชนะไทยนั่นเอง

Advertisement

ทีมต่อมาคือ แชมป์กลุ่มบี “เศรษฐีน้ำมัน” ซาอุดีอาระเบีย ซึ่งกว่าจะการันตีตั๋วเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้าย ต้องรอจนถึงนาทีที่ 80 ในเกมกับซีเรีย ซึ่งพวกเขาสามารถพังประตูชัยได้สำเร็จ ในเกมสุดท้าย เพราะสถานการณ์ก่อนหน้านั้น ต้องบอกว่าพวกเขามีลุ้นที่จะตกรอบเช่นกัน ถ้าหากยิงประตูไม่ได้ แล้ว กาตาร์ เอาชนะคู่แข่งขึ้นมา

จุดที่น่าสนใจคือ เกมรุกของซาอุดีอาระเบีย เพิ่งทำได้แค่ 3 ประตูเท่านั้น และเป็นการยิงแบบไม่ซ้ำหน้าคือ ไอมาน อัล-คูลาอิฟ, อับดุลราห์มาน การีบ และ ฟิราส อัล-บุไรคัน

รองแชมป์กลุ่มบี ได้แก่ ซีเรีย พวกเขาเก็บเพียง 4 คะแนนจาก 3 นัดรอบแรก โดยเริ่มต้นด้วยการเสมอกับกาตาร์ 2-2 ก่อนที่จะเอาชนะ ญี่ปุ่น 2-1 ซึ่งแม้ว่าจะแพ้ให้กับ ซาอุดีอาระเบีย ในนัดสุดท้าย ก็เพียงพอให้พวกเขาผ่านเข้ารอบต่อไปได้ ผู้ทำประตูสูงสุดของซีเรียคือ อับดุล อัล-ราห์มาน บาราคัต กับ อลา อัลดิน ดาลี่ ที่ตะบันไปคนละ 2 ตุง

แชมป์กลุ่มซี ได้แก่ “โสมขาว” เกาหลีใต้ ผ่านเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้ายโดยเป็นทีมเดียวที่สามารถเก็บชัยชนะได้ทั้ง 3 นัดที่ลงสนาม เริ่มต้นด้วยการเฉือนเอาชนะ จีน 1-0 ก่อนที่จะเก็บชัยชนะต่อเนื่องด้วยสกอร์ 2-1 ทั้งการเจอกับ อิหร่าน และอุซเบกิสถาน ดาวซัลโวของเกาหลีใต้คือ อี ดอง-จุน ที่กดไปแล้ว 2 ประตูด้วยกัน

ส่วน อุซเบกิสถาน แชมป์เก่าเมื่อ 2 ปีที่แล้ว เกือบจะไม่ได้ผ่านเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้าย เนื่องจากผลงานที่พวกเขาเริ่มต้นด้วยการเสมอกับอิหร่าน 1-1 ก่อนจะเอาชนะจีนได้ 2-0 แต่นัดสุดท้ายพวกเขาแพ้ให้กับเกาหลีใต้ ซึ่งอีกคู่หนึ่งนั้น อิหร่านเอาชนะจีนได้ ทว่าโชคดีที่ยิงไม่พอ เพราะไม่เช่นนั้นอาจจะเป็นแชมป์เก่าที่ตกรอบเสียเอง

4 ประตูที่อุซเบกิสถานทำได้มาจาก 2 ประตูของ อิสลอม โคบิลอฟ กองหน้าซึ่งอยู่ในชุดแชมป์เมื่อ 2 ปีที่แล้วนั่นเอง

ปิดท้ายที่กลุ่มดี แชมป์กลุ่มคือ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) ซึ่งพวกเขาได้แชมป์กลุ่มจากการที่มีประตูได้เสียดีกว่าจอร์แดน โดยทีมของ มาเซียจ สกอร์ซ่า เริ่มต้นด้วยการเสมอกับเวียดนาม 0-0 ก่อนจะเอาชนะเกาหลีเหนือ 2-0 ปิดท้ายด้วยการเสมอกับจอร์แดน 1-1 ขณะที่ ซาอิด อัล-เอเมอรี่ คือผู้ทำประตูสูงสุดให้กับทีม โดยยิงไป 2 จาก 3 ประตูที่ทีมทำได้

ขณะที่ จอร์แดน พวกเขาเป็นรองแชมป์กลุ่มเพียงเพราะเป็นรองประตูได้เสียให้กับยูเออีเท่านั้น แต่นัดสุดท้ายต้องบอกว่าใจหายเล็กน้อย ด้วยสถานการณ์ช่วงที่พวกเขาตามหลังยูเออีอยู่นั้น หากเวียดนามเอาชนะได้ พวกเขาจะตกรอบทันที แต่ยังดีที่พวกเขาตีเสมอได้ ผลักความกดดันไปอยู่กับทางเวียดนาม จนสุดท้ายหลุดวงโคจรไปเอง

สำหรับการประกบคู่รอบน็อคเอาท์ สายบน “ซอคเกอร์รูส์” ออสเตรเลีย จะพบกับ ซีเรีย ที่ราชมังคลากีฬาสถาน วันที่ 18 มกราคม ถ้าเข้ารอบก็จะไปพบกับผู้ชนะระหว่าง “โสมขาว” เกาหลีใต้ ที่จะพบกับ จอร์แดน ที่สนามม.ธรรมศาสตร์ รังสิต วันที่ 19 มกราคม

สายล่าง ไทย จะพบกับ ซาอุดีอาระเบีย ที่สนามม.ธรรมศาสตร์ รังสิต วันที่ 18 มกราคม ผู้ชนะจะเข้าไปพบกับผู้ชนะระหว่าง สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) ที่จะพบกับ อุซเบกิสถาน แชมป์เก่าเมื่อ 2 ปีที่แล้ว ที่ราชมังคลากีฬาสถาน วันที่ 19 มกราคม

เส้นทางสำหรับ “ช้างศึก” ต้องบอกว่ายาก แต่ไม่ถึงขั้นว่าจะผ่านไปไม่ได้ เพราะในฟุตบอลแบบน็อคเอาท์นั้น อะไรก็เกิดขึ้นได้ ทีมชาติไทยยังมีกองเชียร์คอยเป็นกำลังใจอยู่เบื้องหลังอีกด้วย

นอกจากนี้ อากิระ นิชิโนะ ยังมีสถิติที่ดีในการเจอกับชาติจากอาหรับ เพราะตั้งแต่ที่เข้ามารับงานคุมทีมชาติไทยทั้งชุดใหญ่ และชุดยู-23 ยังไม่แพ้ให้กับทีมจากตะวันออกกลางแม้แต่นัดเดียว โดยชุดใหญ่เอาชนะ ยูเออี ไปได้ใน ฟุตบอลโลก 2022 รอบคัดเลือก 2-1 จากนั้นชุดยู-23 ชนะบาห์เรน กับ เสมอ อิรัก ในรอบแรกมานั่นเอง

สมมุติว่า “ช้างศึก” สามารถเข้ารอบต่อไปได้ เราจะได้ลงเล่นในความรู้สึกที่ว่า ถ้าชนะจะการันตีได้ตั๋วไปโอลิมปิกเกมส์ทันที ไม่ว่าจะเจอใครก็ตามระหว่าง ยูเออี หรือ อุซเบกิสถาน ก็ตาม ซึ่งต้องบอกว่าการจบอันดับ 2 ของกลุ่มเอของไทย สามารถทำให้หลีกไม่ต้องเจอกับเกาหลีใต้ในรอบตัดเชือก ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีมากๆ แล้ว

เพียงแต่ถ้าต้องเข้าไปชิงอันดับ 3 มันก็มีโอกาสที่จะต้องเจอไม่เกาหลีใต้ ก็ออสเตรเลีย ซึ่งบอกเลยว่าเป็นงานที่หนักมาก เพราะออสเตรเลียก็เห็นแล้วว่าไทยยังเป็นรองเรื่องสภาพร่างกาย และประสบการณ์ ส่วนเกาหลีใต้นั้น จากที่ดูมา 3 นัด ยังคงเป็นทีมที่แข็งแกร่งเสมอ

หรือถ้าเจอ ซีเรีย หรือจอร์แดนเอง ก็คงไม่ง่าย เพราะพวกถ้าพวกเขาเอาชนะออสเตรเลีย หรือเกาหลีใต้ มาได้ ก็แสดงว่าไม่ธรรมดาแน่นอน เพียงแต่อาจจะเป็นงานที่ง่ายกว่าเล็กน้อย

เอาเป็นว่าแค่การก้าวมาถึงรอบ 8 ทีมสุดท้ายได้ ถือว่าเป็นผลงานที่เกินความคาดหมายแล้ว แม้ว่าเป้าจริงๆ จะอยู่ที่การไปโอลิมปิกเกมส์ก็ตาม

ไม่ว่าจะได้ไป หรือไม่ได้ไป ผลงานของทีม “ช้างศึก” ล้วนแต่เป็นผลงานที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ที่ต้องจารึกไว้…

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image