ช่วงวิกฤตของหงส์แดง?

REUTERS/Hannah Mckay

ทำเอาตื่นตระหนกตกใจกันไม่น้อย เมื่อ ลิเวอร์พูล ที่โชว์ฟอร์มได้แทบจะไร้เทียมทานตลอดฤดูกาลที่ผ่านมา จู่ๆ ก็ฟอร์มสะดุดไปดื้อๆ ประสบกับความปราชัยถึง 3 จากการลงสนาม 4 นัดหลังสุด

ไล่มาตั้งแต่การพ่าย แอตเลติโก้ มาดริด ในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้ายนัดแรก 0-1 ต่อด้วยการปราชัยให้ วัตฟอร์ด ยับเยินในเกมลีก 0-3 ทำให้ความหวังที่จะได้เห็นการคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกแบบไร้พ่ายต้องสลายไป

ล่าสุด หงส์แดงพ่ายให้ เชลซี 0-2 ตกรอบห้าเอฟเอคัพ จนแฟนบอลหลายคนอดไม่ได้ที่จะตั้งคำถามว่าเกิดอะไรขึ้นกับลิเวอร์พูล?

อันที่จริง ถ้าไม่นับเกมพ่ายยับให้ “แตนอาละวาด” จนเสียสถิติไร้พ่ายในเกมลีกที่ต่อเนื่องมา 44 นัดติด ย้อนไปตั้งแต่เดือนมกราคมปี 2019 ความปราชัยอีก 2 เกมที่เหลือยังถือว่าอยู่ในระดับที่ยอมรับได้ และไม่ได้เสียหายมากนัก

Advertisement

การบุกพ่ายแอตฯมาดริดในเกมใหญ่อย่างถ้วยยุโรป 1 ประตู ยังเปิดช่องให้แก้ตัวในการแข่งขันนัดสองที่แอนฟิลด์ในสัปดาห์หน้า ส่วนเกมเอฟเอคัพกับสิงห์บลูส์นั้น เยอร์เก้น คล็อปป์ ปรับทีมหลายตำแหน่ง แถมไปแข่งที่สแตมฟอร์ดบริดจ์ เชลซี เจ้าภาพ จึงหมายมั่นปั้นมือเป็นพิเศษ

นักวิจารณ์มองว่า อาการสะดุดของลิเวอร์พูลเวลานี้อาจจะดูน่าตกใจ แต่ไม่จำเป็นต้องตื่นตระหนก ที่แน่ๆ คือการลุ้นแชมป์ลีกสูงสุดหนแรกในรอบ 30 ปีนั้น ไม่น่าจะกระทบกระเทือนแต่อย่างใด เนื่องจากหงส์แดงทิ้งห่างอันดับ 2 แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ถึง 22 คะแนน ขณะที่เหลือเกมเตะเพียง 10 นัด (เรือใบเหลือ 11 นัด) โอกาสที่จะไล่ตามกันทันนั้น อาจจะเป็นไปได้ในทางทฤษฎี แต่ถ้าหงส์ไม่ย่ำแย่จริงๆ ความเป็นไปได้ที่แชมป์จะหลุดมือน่าจะน้อยมาก

อย่างไรก็ตาม การแพ้ติดๆ กันย่อมมีผลในเรื่องของจิตใจ ทั้งต่อตัวนักเตะเองและต่อแฟนบอล

REUTERS/Hannah Mckay

เจมี่ คาร์ราเกอร์ อดีตเด็กเก่าลิเวอร์พูลในฐานะนักวิจารณ์ชื่อดัง ก็มั่นใจว่าทีมรักของตัวเองไม่น่าจะพลาดแชมป์ลีกอย่างแน่นอน แต่ก็อดตั้งคำถามไม่ได้ว่า หลังจากโชว์ฟอร์มได้ดีตลอดฤดูกาล การได้แชมป์ลีกเพียงรายการเดียวถือว่าเพียงพอแล้วหรือไม่?

ว่ากันตามตรงก็คือพอกองเชียร์ได้เห็นฟอร์มสุดยอดเข้าขั้นไร้เทียมทานทั้งเกมรุกและรับจนเริ่มชิน แค่แชมป์ลีกอย่างเดียวคงรู้สึกไม่พอ มันต้องมีแชมป์บอลถ้วยมาช่วยเสริมบารมีด้วย ไม่ว่าจะเป็นถ้วยแชมเปี้ยนส์ลีกหรือเอฟเอคัพก็ตาม ไม่งั้นบรรยากาศกองเชียร์อาจจะ “กร่อย” ไปบ้าง

ตอนนี้พอพลาดแชมป์เอฟเอคัพไปถ้วยนึงแล้ว ก็เหลือแต่ถ้วยยุโรปที่ตัวเองเป็นแชมป์เก่า ต้องรอลุ้นกันต่อไปเรื่อยๆ ว่าจะเป็นอย่างไร

ในส่วนของฟอร์มการเล่นนั้น กูรูบางคนบอกว่า คู่แข่งเริ่มจับทางหงส์แดงได้แล้ว และวางแผนรับมือได้อย่างอยู่หมัด โดยแอตฯมาดริดเป็นผู้เปิดช่องโหว่ให้เห็น หลังจากเกมก่อนๆ ลิเวอร์พูลก็หวิดพลาดพลั้งไปหลายรอบ แต่เอาตัวรอดมาได้

คาร์ราเกอร์ชี้จุดที่ตัวเองเป็นห่วงจากเกมแพ้วัตฟอร์ดว่า ไม่ใช่แค่เกมรับที่ดูตึงๆ ไป เกมรุกเองก็มีปัญหา เพราะดูเหมือนว่าโอกาสในการทำประตูแบบจะๆ หรือหวังผลได้มีไม่มากนัก

เบน ฟอสเตอร์ นายทวารวัตฟอร์ด มองว่า ปัญหาใหญ่ของลิเวอร์พูลในนัดนั้น คือการขาดกัปตันทีม จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ซึ่งเจ็บมาตั้งแต่เกมพ่ายแอตฯมาดริด โดยฟอสเตอร์ชี้ว่า เฮนโด้เป็นตัวเชื่อมเกมคนสำคัญของหงส์แดง เป็นคนรับบอลต่อจาก เวอร์จิล ฟาน ไดค์ แล้วประสานต่อให้แนวรุกสุดอันตรายของทีม

พอกัปตันไม่อยู่ คนที่มาแทนอย่าง อเล็กซ์ ออกซ์เลด แชมเบอร์เลน ถึงจะฝีเท้าดี แต่ก็เป็นคนละสไตล์ ทำให้การต่อเกมไม่ลื่นไหลเท่าที่ควร

Reuters

ด้าน สตีฟ นิโคล ตำนานสโมสรซึ่งเป็นนักวิจารณ์รุ่นเก๋า แสดงความเป็นห่วงว่า หงส์แดงเวลานี้ปัญหาหลักไม่ได้อยู่ที่สภาพร่างกาย แต่เป็นเรื่องของจิตใจมากกว่า ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม ดูนักเตะไม่ค่อยมีสมาธินัก มักเกิดความผิดพลาดเล็กๆ น้อยๆ ในเกมหลายครั้ง และช่วงหลัง ความผิดพลาดเหล่านั้นก็นำไปสู่การเสียประตู จนพ่ายแพ้ในที่สุด

สิ่งสำคัญตอนนี้คือการรวบรวมกำลังใจ กลับมามีสมาธิ เก็บชัยชนะด้วยฟอร์มที่ดีเพื่อเสริมความมั่นใจให้มากขึ้น ทุกอย่างจะได้กลับมาสู่ภาวะปกติโดยเร็ว

หรืออย่างเลวร้ายที่สุด แฟนบอลหลายคนเริ่มส่งเสียงสะท้อนว่า ถึงจะพลาดแชมป์อื่นก็ไม่เป็นไร ยังไงขอให้การันตีแชมป์ลีกไว้ก่อน เพราะต้องการอีก 12 แต้มก็จะปิดเกมได้แล้ว

อย่าให้การรอคอยที่ยาวนานมา 30 ปี ต้องยืดเยื้อไปกว่านี้เลย!

Reuters

เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่เพิ่มเพื่อน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image