เฟกนิวส์ของ โรนัลโด้-เมสซี่ บทเรียนจากวงการลูกหนัง สู่สังคมโลกอันอ่อนไหว!

เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมานี้…2 นักเตะผู้ครองวงการลูกหนังยุคปัจจุบันอย่าง “CR7” คริสเตียโน่ โรนัลโด้ และ ลิโอเนล เมสซี่ ตกเป็นข่าวซึ่งทำให้แฟนบอลทั่วโลกต่างพากันชื่นชมในความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ของพวกเขา

แต่แท้จริงแล้วทั้งสองข่าวที่เกิดขึ้นกับ โรนัลโด้ และ เมสซี่ นั้นเป็นข่าวปลอม หรือ “เฟกนิวส์” โดยตัวแทนของทั้งคู่ได้ออกมาปฏิเสธแล้วเรียบร้อย!!!

“เฟกนิวส์” ของ “โรนัลโด้” เป็นกรณีเกี่ยวกับการเปลี่ยนโรงแรมเป็นโรงพยาบาลชั่วคราว รักษาผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ในประเทศโปรตุเกส

เนื่องด้วยขณะนี้การแพร่ระบาดที่นับวันจะทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น และส่งผลกระทบไปทุกวงการทั่วโลก ซึ่งวงการฟุตบอลเองก็เช่นกัน บรรดาคนฟุตบอลตื่นตัวกับเรื่องนี้มากขึ้น

Advertisement

“มาร์ก้า” สื่อกีฬาดังแห่งกรุงมาดริด ออกมารายงานว่า คริสเตียโน่ โรนัลโด้ สตาร์ดังของ “ม้าลาย” ยูเวนตุส จ่าฝูงเซเรีย อา เป็นอีกคนหนึ่งที่ตระหนักถึงเรื่องนี้ดี โดยจะเปลี่ยนโรงแรมของตัวเองเองที่ชื่อ “PESTANA CR7” ในเมืองลิสบอน ประเทศโปรตุเกส ให้เป็นโรงพยาบาลรองรับอำนวยความสะดวกแก่ผู้ป่วยไสรัสโควิด-19 โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย และมีรายงานอีกว่า โรนัลโด้จะเป็นคนรับผิดชอบค่าแรงของบรรดาหมอ และทีมดูแลผู้ป่วยเอง

Advertisement

แต่ล่าสุดตัวแทนของโรงแรมที่โรนัลโด้เป็นเจ้าของ ได้ออกมาปฏิเสธข่าวลือดังกล่าวว่าไม่เป็นความจริง

“พวกเราคือโรงแรม และเราจะไม่เปลี่ยนเป็นโรงพยาบาล เราได้รับโทรศัพท์จากสื่อมวลชนเยอะมาก”

อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ โรนัลโด้ กำลังกักตัวอยู่ที่บ้านเกิดเกาะมาเดย์ร่า ประเทศโปรตุเกส หลังเพื่อนร่วมทีมม้าลายด้วยกันอย่าง ดานิเอเล่ รูกานี่ เป็นผู้ติดเชื้อโควิด-19

ขณะที่ “เฟกนิวส์” ของ “เมสซี่” เป็นกรณีเกี่ยวกับการออกเงินประกันตัว และจ้างทนายมาช่วย โรนัลดินโญ่ อดีตเพื่อนร่วมทีมบาร์เซโลน่า ชาวบราซิเลียน ออกจากคุกประเทศปารากวัย

ที่ไปที่มาของเรื่องนี้มาจากเมื่อปี 2018 โรนัลดินโญ่ อดีตดาวเตะตำนานทีมชาติบราซิล และสโมสรบาร์เซโลน่า รวมทั้งพี่ชาย โรแบร์โต้ เด อาสซิส โมเรย์ร่า ถูกหน่วยงานรัฐของบราซิลระงับพาสปอร์ต เพราะไม่ยอมจ่ายค่าปรับ 2.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 75 ล้านบาท) เหตุก่อสร้างสิ่งปลูกสร้างในพื้นที่เขตป่าสงวนเมืองปอร์โต อเลเกร ทางตอนใต้ของบราซิล

ล่าสุดเมื่อไม่นานมานี้ โรนัลดินโญ่ และพี่ชายได้รับคำเชิญให้ไปร่วมงานของมูลนิธิแห่งหนึ่งในประเทศปารากวัย และเปิดตัวหนังสือเล่มใหม่ของอดีตแข้งบาร์เซโลน่าเอง ประกอบกับช่วงนี้ โรนัลดินโญ่ มีสภาวะทางการเงินที่ไม่สู้ดีนัก จึงต้องพยายามรับงานอีเวนต์มากขึ้น

เมื่อเดินทางถึงประเทศปารากวัย โรนัลดินโญ่ และพี่ชายก็ถูกตำรวจคุมตัวในวันที่ 4 มีนาคมที่ผ่านมา ข้อหาใช้พาสปอร์ตปลอมเข้าประเทศ และถูกสอบสวนอยู่ที่โรงแรมนอกเมืองอะซุงซิอง เมืองหลวงของปารากวัย

หลังสอบปากคำ อัยการรัฐและเจ้าหน้าที่สืบสวนของปารากวัยเผยว่า อดีตแข้งบาร์ซ่าและพี่ชายยอมรับข้อกล่าวหา พร้อมให้ข้อมูลขยายผลจับกุมแก๊งมิจฉาชีพที่ปลอมแปลงเอกสาร แลกกับการที่ทางการจะไม่ดำเนินคดีโรนัลดินโญ่

ทว่าต่อมามีสื่อรายงานว่า ผู้พิพากษาปฏิเสธคำขอของอัยการที่จะไม่ยื่นฟ้อง โรนัลดินโญ่ กับพี่ชาย และสั่งให้คุมตัวสองพี่น้องที่สถานีตำรวจในวันที่ 6 มีนาคม เพื่อรอขึ้นศาลในวันถัดไป ส่งผลให้โรนัลดินโญ่ ในวัย 39 ปี และพี่ชายอาจต้องถูกจับคุกนานถึง 6 เดือน ฐานใช้พาสปอร์ตปลอมเข้าประเทศ ซึ่งปัจจุบันสองพี่น้องกำลังใช้ชีวิตอยู่ในคุกคัวดริลาเทโร่ของปารากวัย

จากเหตุการณ์ดังกล่าว “ลิเบร์โร่” สื่อในเปรูเปิดเผยว่า กัปตันทีมต่างดาว ลิโอเนล เมสซี่ เตรียมที่จะหยิบยื่นมือเข้าช่วยเหลืออดีตรุ่นพี่ร่วมทีม โดยจะออกเงินกว่า 4 ล้านยูโร (ประมาณ 142 ล้านบาท) เป็นค่าประกันตัว และจะจ้างทนายมาว่าความช่วยเหลือ โรนัลดินโญ่ ให้พ้นคุกที่ประเทศปารากวัย เพราะทั้งคู่ต่างมีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นต่อกัน

อย่างไรก็ตาม ล่าสุด “สปอร์ต” สื่อกีฬาแห่งแคว้นกาตาลุนญ่ารายงานว่า ตัวแทนของเมสซี่ได้ออกโรงปฏิเสธข่าวลือดังกล่าวว่า

“เมสซี่รู้สึกเสียใจมากกับสถานการณ์ของโรนัลดินโญ่ แต่นี่ไม่ใช่เวลาที่เมสซี่จะออกมาเคลื่อนไหวทางการเงิน หรือทางกฎหมายเพื่อนำตัวอดีตแข้งบราซิลออกจากคุก เมสซี่ไม่ได้จ้างทนาย หรือจะจ่ายเงิน 4 ล้านยูโรเพื่อประกันตัว”

จาก 2 เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะเห็นได้ว่าเฟกนิวส์นอกจากก่อให้เกิดความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนแล้ว ยังแพร่กระจายเป็นวงกว้างอย่างรวดเร็ว เพราะส่วนใหญ่ข่าวปลอมจะมีเนื้อหาที่น่าดึงดูดความสนใจ ทำให้มีอารมณ์ร่วมไปกับข่าวนั้นมาก และเกิดการแชร์ต่อๆ กัน

ดังนั้น การกลั่นกรองตรวจสอบความถูกต้องของแหล่งที่มาของข่าว และความน่าเชื่อถือของสื่อที่นำเสนอจึงเป็นเรื่องสำคัญ ข่าวปลอมต้องถูกหยุดโดยเร็ว และแก้ไขเพื่อความเข้าใจถึงสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างถูกต้องตามความเป็นจริง!

ถือเป็นบทเรียนราคาแพงจากวงการลูกหนังโลกที่นำมาสู่บทเรียนในสังคมโลกที่ค่อนข้างอ่อนไหวเหลือเกิน ณ ขณะนี้!

เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่เพิ่มเพื่อน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image