คอลัมน์ เกรียนเขียนบอล : ฟ้าหลังฝนกับคนหน้าเดิม

ในช่วงระหว่างที่ฟุตบอลไทยกำลังอยู่ในช่วงพักการแข่งขันทว่ากลับมีประเด็นดราม่าใหญ่โตออกมาในแบบที่ไม่คาดคิดกันเสียได้

เรื่องราวมันเริ่มจากการมีกระแสข่าวว่า “มาดามแป้ง” นวลพรรณ ล่ำซำ ประธานสโมสร “สิงห์เจ้าท่า” การท่าเรือ เอฟซี ตัดสินใจแยกทางกับ “โค้ชโชค” โชคทวี พรหมรัตน์ หัวหน้าผู้ฝึกสอน และทีมงานทั้งหมด ซึ่งมีการเปิดเผยจากโค้ชโชคสั้นๆ ว่าเป็นเรื่องจริง เพื่อลดค่าใช้จ่ายในทีมในช่วงที่ไวรัสโควิด-19 กำลังระบาดเช่นนี้

ทว่าหลังจากนั้นไม่นาน โค้ชโชค ได้ออกไปให้สัมภาษณ์กับเพจฟุตบอลแห่งหนึ่ง โดยมีหลายประเด็นที่ออกมาแต่ที่คนจับมาเป็นประเด็นมากที่สุดก็คือเรื่องของการถูกแทรกแซงในการทำงาน

ก่อนที่มาดามแป้งจะแถลงการณ์ผ่านสโมสรด้วยภาษาที่ต้องเรียกว่า “เอาคืนแบบผู้ดี” ตอกย้ำด้วยผลงานที่โค้ชโชคพาทีมตกรอบเอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก คาบ้านต่อทีมรองบ่อน หรือพ่าย สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด ในแชมเปี้ยนคัพ แบบสู้ไม่ได้

Advertisement

และคีย์เวิร์ดที่สำคัญที่มาดามแป้งสื่อออกมาก็คือ ฟุตบอลทำงานกันเป็นทีม ทุกส่วนต้องช่วยกัน ไม่มีทีมใดที่ไม่มีการแทรกแซง เพราะหน้าที่ประธานสโมสรคือต้องดูแลทุกอย่างในทีม และตัดสินใจให้ทีมเดินหน้าสู่เป้าหมายได้

ว่ากันตามตรงในฐานะที่ผู้เขียนเองก็เป็นแฟนบอลการท่าเรือ เรื่องความสั่นคลอนในตำแหน่งของโค้ชโชคก็มีมาระยะหนึ่งแล้ว โดยเฉพาะการพ่ายเซเรส เนกรอส ตกรอบคัดเลือกเอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก ซึ่งเป็นรายการที่มาดามแป้งตั้งความหวังเอาไว้มาก ลงทุนทำสนามใหม่ เตรียมความพร้อมทุกอย่างเพื่อให้แพท สเตเดียม จัดการแข่งขันได้

ไหนจะเซ็นสัญญากับผู้เล่นระดับท็อปของลีกเข้ามา อย่างเฮแบร์ตี้ เฟอร์นันเดส ที่เข้ามาเป็นความหวังสูงสุดในแนวรุก หรือ “กอล์ฟ” อดิศักดิ์ ไกรษร ดาวยิงดีกรีทีมชาติไทย ทว่าถ้าใครได้ดูเกมนั้นต้องบอกว่าการเล่นแทบไม่เป็นทรงเลยก็ว่าได้ เป็นผลงานที่น่าผิดหวังจากการเตรียมทีมมานานพอสมควร

Advertisement

แล้วการแพ้ในไทยแลนด์ แชมเปี้ยนคัพ กับทีมที่จะต้องเป็นคู่แข่งลุ้นแชมป์โดยตรงอย่างเชียงราย แบบสภาพสู้ไม่ได้ ไม่มีทีเด็ดอะไรจะไปต่อต้านเขาได้เลย ยิ่งตอกย้ำว่าโค้ชโชคชะตาใกล้ขาดทุกที

คือยังดีที่คว้าแชมป์บอลอุ่นเครื่องอย่าง ลีโอ ปรีซีซั่น คัพ และก็เปิดไทยลีกมาด้วยผลงานชนะรวด 3 นัด ก่อนจะบุกไปเสมอบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ถึงถิ่นได้ 1-1 เลยทำให้เก้าอี้ของโค้ชโชคยังคงวางอยู่ได้ แม้ว่าสภาพอาจจะหมิ่นเหม่เล็กน้อยก็ตาม

แต่ด้วยสถานการณ์ที่ฟุตบอลไม่ได้ลงเล่นมาเป็นแรมเดือน ค่าใช้จ่ายก็ยังต้องจ่ายอยู่ ดังนั้นการลดค่าใช้จ่ายในทีมอาจจะเป็นเรื่องสำคัญ

อย่าลืมว่าการท่าเรือยังมี “มาสเซอร์เด็จ” จเด็จ มีลาภ ซึ่งเป็นคนหนึ่งที่มาดามแป้งไว้ใจอย่างมาก ไม่ว่าจะอย่างไรไม่เคยปลดออกจากทีมสักครั้ง ตั้งแต่สมัยที่ดึง “ซิโก้” เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง เข้ามาทำแล้วดันขึ้นเป็นประธานเทคนิค พอปลดซิโก้ ก็เป็นมาสเซอร์ที่กลับมาสานงานต่อ

ครั้งนี้ตอนดึงโชคทวีมา ก็เพราะว่าผลงานทีมเริ่มสะดุด และต้องการรีเฟรชทีมใหม่ ก็ใช้วิธีการเดิมคือดันมาสเซอร์เด็จขึ้นไปนั่งปธ.เทคนิค อีกครั้ง

ยิ่งมีการเปิดเผยว่า มาสเซอร์เด็จนั้นลดค่าแรงของตัวเอง 70 เปอร์เซนต์ เพื่อช่วยเหลือทีมในยามที่ยากลำบากเช่นนี้น ไม่ต้องบอกก็คงคิดได้ว่ามาดามแป้งจะเลือกเก็บใครเอาไว้

เอาเป็นว่ามันคงเป็นเพียงฝนที่หล่นมาชั่วคราวเท่านั้นสำหรับทีมการท่าเรือ บางครั้งอาจจะทำให้อะไรที่ดูคลุมเครือชัดเจนมากยิ่งขึ้น ไม่แน่ว่าฟ้าหลังฝน หลังจากฟุตบอลไทยกลับมาแข่งขันกันต่อได้ เราอาจจะได้เห็นโฉมใหม่จากคนหน้าเก่าของทีมการท่าเรือก็เป็นได้

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image