คอลัมน์เกรียนเขียนบอล : ถูกต้อง แต่ไม่ถูกใจ

อยู่ดีๆ ก็เกิดเรื่องราวดราม่าใหญ่โตขึ้นแถวๆ เมืองลิเวอร์พูล ซึ่งต้องบอกว่าเป็นดราม่าที่บอกไม่ได้จริงๆ ว่าใครถูกหรือผิด เพราะมันขึ้นอยู่กับว่ามุมมองของคนที่มองว่ามองจากมุมไหนมากกว่า

ประเด็นมันเกิดขึ้นมาจากสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 ในประเทศอังกฤษนั้นทวีความรุนแรงมากขึ้น ทางรัฐบาลตั้งใจจะล็อคดาวน์เมือง ต้องการให้เอกชนนั้นพักงานทั้งหมด

รัฐก็ได้ออกมาตรการมาช่วยเหลือเอกชน ด้วยการสนับสนุน 80 เปอร์เซ็นต์ ของเงินเดือน ส่วนอีก 20 เปอร์เซ็นต์เอกชนจะเป็นคนรับผิดชอบ เท่ากับว่าในช่วงพักงานนั้น พนักงานจะยังได้รับค่าจ้างเท่าเดิม

แน่นอนว่านี่คือมาตรการที่ดีของรัฐบาลอังกฤษ ที่จะเข้ามาช่วยบริษัทเอกชนในยามที่ยากลำบากเช่นนี้ ซึ่งเปิดกว้างให้ทุกบริษัท ไม่เว้นแม้แต่ทีมฟุตบอล ก็สามารถทำได้เช่นกัน

ในพรีเมียร์ลีก ทั้งนิวคาสเซิ่ล, นอริช, สเปอร์ส และบอร์นมัธ ตบเท้าเข้าโครงการเรียบร้อยแล้ว ก่อนที่ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล จะกลายเป็นอีกหนึ่งทีมที่เข้าร่วมโครงการนี้เช่นกัน

Advertisement

ทว่าพอลิเวอร์พูลนั้นเข้าร่วมโครงการ กลับมีเสียงต่อต้านออกมามากมาย จากทั้งอดีตนักฟุตบอล, แฟนบอล รวมถึงนักข่าวท้องถิ่น บอกว่าการกระทำครั้งนี้ไม่สมควรออกมาจากสโมสรอย่างลิเวอร์พูล

เหตุผลก็คือช่วงหลายปีที่ผ่านมา ลิเวอร์พูลนั้นมีกำไรมาอย่างต่อเนื่อง แค่เงินเดือนของพนักงานแค่นี้ทำไมถึงรับผิดชอบเองไม่ได้ และการเข้าโครงการแบบนี้เท่ากับไปเบียดเบียนบริษัทเล็กๆ ที่เขาต้องการเงินตรงนี้มากกว่าหรือไม่

บีบีซี ลงสัมภาษณ์พนักงานคนหนึ่งของลิเวอร์พูล พร้อมพาดหัวคำโตว่า “ทำแบบนี้เหมือนไม่ใช่ครอบครัวกัน”

Advertisement

ว่ากันมุมมองของนักธุรกิจ นี่ไม่ใช่การกระทำที่ผิดเลยสำหรับลิเวอร์พูล เพราะถามว่าต่อให้ลิเวอร์พูลได้รับกำไรจากการทำทีมมากแค่ไหน แต่เขาก็ต้องจ่ายภาษีมากขึ้นตามจำนวนกำไรที่ได้ แล้วการเข้าโครงการนี้ ก็เหมือนกับการนำภาษีที่เขาจ่ายไป กลับมาใช้ เอาจริงๆ เงินที่ได้คืนมายังไม่เท่ากับที่จ่ายไปด้วยซ้ำ

อีกทั้งด้วยสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 เราบอกไม่ได้ว่ามันจะยืดเยื้อไปถึงเมื่อไหร่ ในเมื่อมันมีหนทางที่จะลดค่าใช้จ่ายในทีมได้ มันก็ควรที่จะทำไม่ใช่หรือ

เพียงแต่มุมมองชาวสเกาซ์เซอร์นั้น ถูกปลูกฝังแนวความคิดแบบ “สังคมนิยม” มาโดยตลอด การกระทำใดๆ ต้องให้ความสำคัญกับผู้คนมากกว่าเรื่องของเงินทองหรือกำไร ดังนั้นสิ่งที่สโมสรทำคือการมองแต่เรื่องตัวเงิน โดยไม่สนใจความคิดของคนในเมือง

อีกทั้งการบริหารงานโดยนักธุรกิจสหรัฐ พร้อมจะเป็นเป้าให้โจมตีอยู่แล้ว เรียกได้ว่าทำดีก็ได้ดี แต่ถ้าพลาดเมื่อไหร่ก็จะโดนโจมตีอย่างหนักทันที

ซึ่งสุดท้ายแล้ว สโมสรก็เลือกแฟนบอลมากกว่า และกลับลำด้วยการไม่เข้าโครงการของรัฐบาลอย่างที่เคยประกาศออกมาทีแรก พร้อมกับขอโทษขอโพยแฟนบอลเสียยกใหญ่

งานนี้น่าเห็นใจฝ่ายบริหาร ถ้าว่ากันตามตรงไม่ว่าจะเลือกทางไหน ก็โดนทั้งขึ้นทั้งล่อง

สุดท้ายแล้วนี่คงเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง (ตามหลักธุรกิจ) แต่ไม่ถูกใจ (แฟนบอล) ก็เท่านั้นเอง

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image