‘ไทยลีกออลสตาร์’ เปิดสนามรับกองเชียร์ รวมใจ ‘เซฟ ระยอง’

เป็นประเด็นที่ทำให้ชาวไทยต้องหวาดผวากับการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ระลอกที่สอง หลังจากสัปดาห์ก่อนตรวจพบทหารอียิปต์ติดเชื้อโควิด-19 แต่ทว่ากลับไม่อยู่ในจุดกักกันตัวแล้วออกไปเดินเที่ยวในจังหวัดระยอง

ประเทศไทยกำลังเข้าสู่ช่วงภาวะการปลดล็อกประเทศ หลังจากไม่มีผู้ติดเชื้อในประเทศต่อเนื่องมากว่า 50 วัน ช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมาประชาชนเริ่มกลับมาใช้ชีวิตปกติในรูปแบบใหม่ หรือ นิว นอร์มอล บางคนเริ่มออกเดินทางไปต่างจังหวัดเพื่อพักผ่อนหย่อนใจ หลังจากต้องอยู่แต่ในบ้าน หรือไปทำงานมาตลอดช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา

เมื่อประชาชนเริ่มออกมาท่องเที่ยว จับจ่ายใช้สอย ทำให้เศรษฐกิจในประเทศกลับมาเดินหน้าได้อีกครั้งหนึ่ง แต่กลับเกิดการประมาท ทำให้ส่งผลเสียหายร้ายแรง และกระทบอย่างหนักกับคนใน จ.ระยอง อย่างมาก

จ.ระยอง ถือว่าเป็นจังหวัดท่องเที่ยวทางภาคตะวันออกแห่งหนึ่ง มีพื้นที่ติดทะเล และไม่ไกลจากกรุงเทพฯ ทำให้ประชาชนเลือกไปพักผ่อนกัน แต่ทว่าตอนนี้ที่พักหลายแห่งถูกยกเลิกการจองห้องพักไปมากกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ เพราะว่ากังวลว่าระยองจะกลายเป็นพื้นที่เสี่ยง ทั้งที่จริงๆ แล้ว คน จ.ระยอง ไม่ได้ทำอะไรผิดเลยด้วยซ้ำ แต่ต้องมารับผลกระทบ

Advertisement

เมื่อเป็นเช่นนี้รัฐบาลจึงต้องหาทางเร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจใน จ.ระยอง ล่าสุดทางศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (ศบค.) ระบุว่า รัฐบาลเตรียมโครงการชื่อ ร่วมใจฝ่าโควิด จ.ระยอง ด้วยการส่งเสริมให้จัดกิจกรรมต่างๆ ในพื้นที่ในแบบนิว นอร์มอล แบ่งออกเป็น 5 ด้าน ประกอบด้วย การจัดประชุมและสัมมนาของหน่วยงานภาครัฐ/ส่งเสริมการท่องเที่ยวโดยเจ้าหน้าที่ภาครัฐ-เอกชน/จัดการแข่งขันฟุตบอลของทีมในไทยลีก/การจัดคอนเสิร์ต/จัดกองถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในพื้นที่ โดยจัดสถานที่กักกันโรคแบบวิลล่า ควอรันทีน

1 ใน 5 ของกิจกรรมดังกล่าว คือ จัดฟุตบอลนัดพิเศษ เป็นการดวลกันของ ไทยลีกออลสตาร์ จะเปิดให้แฟนบอลเข้าไปชมในสนามได้เป็นการสร้างความเชื่อมั่น Save Rayong (เซฟ ระยอง) โดยจะแข่งขันวันที่ 8 สิงหาคม นอกจากนี้ยังมีการแข่งขันวิ่งมาราธอน โดยจำกัดผู้ร่วมแข่งขัน 2,000 คน ในวันที่ 9 สิงหาคม เพื่อฟื้นฟูด้านจิตใจ รวมไปถึงเศรษฐกิจให้กับชาวระยอง

“บิ๊กก้อง” ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) บอกว่า เรื่องนี้ทางกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬาได้ติดต่อมาให้ทาง กกท. เตรียมการไว้ กิจกรรมครั้งนี้เป็นโจทย์ที่ได้รับมาจาก ศบค. ดังนั้น ในการปฏิบัติงานอาจต้องร่วมมือกันทุกหน่วยงานในกระทรวง ทั้ง กกท., กรมพลศึกษา หรือสำนักงานปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาด้วย ในส่วนของรูปแบบการแข่งขันที่มองเอาไว้ น่าจะเป็นการแข่งขันทั้งแบบบุคคลระดับพิเศษ (วีไอพี) ลงมาแข่งขันกระชับมิตรกัน และจะแข่งขันระหว่างการแข่งขันของผู้เล่นระดับอาชีพในไทยลีกด้วย เพื่อจะได้ให้ประชาชนเข้าไปชมการแข่งขันกันได้

Advertisement

“ส่วนของการแข่งขันวิ่งมาราธอนนั้น คิดว่าจะนำรูปแบบที่เคยทดลองจัดการแข่งขันที่ จ.ราชบุรี เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคมที่ผ่านมา จะนำเอาคู่มือปฏิบัติในรูปแบบนิว นอร์มอล มาใช้อีกครั้ง หลังจากครั้งก่อนแค่อยู่ในขั้นทดลอง ได้ปรับปรุงคู่มือต่างๆ เอาไว้ และครั้งนี้จะได้ใช้งานจริงๆ” ดร.ก้องศักด กล่าว พร้อมกับเสริมว่า ในส่วนการแข่งขันฟุตบอลยังไม่ได้เริ่มติดต่อกับสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ เพราะเพิ่งคุยเบื้องต้นจากกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเท่านั้น และยังไม่ได้วางแผนชัดเจนว่าจะเป็นทีมอะไรมาแข่งบ้าง แต่ถ้าพูดคุยกันมากขึ้นหลังจากนี้ คงเริ่มหารือกับทางสมาคมฟุตบอลฯ หาทีมหรือผู้เล่นมาแข่งขันในเกมดังกล่าว ส่วนเรื่องของการแข่งขันกีฬาในประเทศตอนนี้ ตั้งแต่เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคมที่ผ่านมา ศบค.อนุมัติให้ 14 ชนิดกีฬา รวมถึงกีฬาฟุตบอลสามารถกลับมาแข่งขัน แต่ยังไม่อนุญาตให้แฟนบอลเข้าชมในสนาม

ดร.ก้องศักดบอกว่า ลีกฟุตบอลอาชีพของไทยหากจะกลับมาแข่งขันแบบเปิด จะต้องร่างระเบียบออกมาจัดการแข่งขัน จำนวนผู้ชมในสนาม จะมีสัดส่วนเท่าไหร่ต่อความจุของสนาม หรือการคัดกรองผู้ชม หรือแม้กระทั่งการออกกฎห้ามกองเชียร์ตะโกนเชียร์ในสนาม เพื่อไม่ให้มีโอกาสในการแพร่เชื้อได้ก็ตาม เดิมทีก่อนหน้านี้เราได้เตรียมเพื่อปลดล็อกในขั้นต่อไป ขั้นต่อไปสำหรับกีฬาคือการแข่งขันในแบบมีคนดูจำกัด ได้เตรียมคู่มือเอาไว้เช่นกันว่าจะต้องเป็นแบบใดบ้าง ทางสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ มีคู่มือปฏิบัติ มีการวางขั้นตอนเอาไว้ว่าจะต้องทำอย่างไรบ้าง แค่ยังไม่เคยทดลองใช้จริง ดังนั้น จะต้องเตรียมการ ซักซ้อมกัน เพื่อให้เกิดความเข้าใจ และปฏิบัติออกมาอย่างถูกต้อง เคร่งครัด เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาขึ้นภายหลัง

“ผมคิดว่าถ้ากิจกรรมนี้ของรัฐบาลสำเร็จ จะเป็นการประกาศให้สาธารณชนได้ทราบว่ากิจกรรมกีฬาต่างๆ นั้นเกือบจะกลับมาอยู่ในสภาวะปกติแล้ว และโมเดลจัดการแข่งขันนี้ ก็จะนำไปใช้จริง ไม่ใช่แค่ที่ระยองเท่านั้น แต่ทั่วประเทศ ถือว่ากิจกรรมครั้งนี้เป็นบททดสอบที่ดีสำหรับการจัดการแข่งขันในแบบที่มีผู้ชมจำกัด จริงๆ ตอนนี้ในยุโรปเองก็เริ่มเตรียมการ ในเดือนสิงหาคมนี้จะทดลองใช้ให้มีผู้ชมแบบจำกัดคนดู ดังนั้น ถือว่าจะได้เป็นการทดลองระบบควบคู่ไปกับหลายๆ ประเทศ และคิดว่าจากเหตุการณ์นี้จะสามารถขยายผลออกไปยังทั่วประเทศได้ และจะทำให้กิจกรรมกีฬานั้นเข้าสู่สภาวะปกติได้เร็วยิ่งขึ้น” บิ๊กก้องกล่าว

ด้าน “บิ๊กอ๊อด” พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ กล่าวว่า ประเด็นนี้ตอนนี้ได้ยินเพียงแค่ข่าว ยังไม่ได้มีการขอข้อมูลเข้ามาอย่างเป็นทางการ อย่างไรก็ตาม ทางสมาคมพร้อม และยินดีให้ความร่วมมือ สนับสนุนนโยบายของรัฐบาล โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน โดยเฉพาะชาวระยองกำลังประสบปัญหาจากโควิด-19 ช่วงนี้ด้วยแล้ว ทางสมาคมยินดีช่วยเหลือเต็มที่

“ส่วนตัวแล้วยังไม่อยากคิดไปไกล อยากให้เกิดขึ้นจริงๆ ก่อน แน่นอนว่าถ้าสามารถจัดการแข่งขันแบบเปิดที่ระยองได้จริงๆ ก็ไม่มีเหตุผลที่จังหวัดอื่นจะจัดไม่ได้ เป็นเรื่องที่ดี และอยากให้แข่งขันแบบเปิดเช่นกัน แต่ต้องขอดูรายละเอียดชัดเจนก่อน และไม่อยากคาดเดาไปก่อนโดยไม่มีข้อมูล” บิ๊กอ๊อดกล่าว

สำหรับสถานการณ์ในประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะในเอเชีย ปัจจุบันหลายๆ ประเทศเริ่มกลับมาแข่งขันฟุตบอลกันได้ตามปกติ อย่างเช่น เวียดนามด้วยจำนวนผู้ติดเชื้อน้อย ทำให้จัดการแข่งขันแบบเปิดได้อย่างเต็มที่ แฟนบอลกลับเข้าไปชมในสนามกันแบบเต็มความจุได้ หรืออย่างในญี่ปุ่น แม้จะวิตกกังวลว่าจะเข้าสู่การระบาดระลอก 2 แต่ตอนนี้ฟุตบอลเจลีกก็สามารถเปิดให้แฟนบอลสามารถเข้าชมได้บางส่วนแล้ว

แน่นอนว่า ถ้าหากการจัดกิจกรรมกีฬาคราวนี้ของรัฐบาลประสบความสำเร็จ นอกเหนือจากการสร้างความเชื่อมั่นของ จ.ระยอง ต่อสายตาคนไทยให้กล้าเดินทางเข้าไปท่องเที่ยวกันได้แล้วนั้น ยังจะส่งผลดีต่อวงการกีฬา จะกลับมาแข่งขันแบบปกติได้ด้วย

นโยบายดังกล่าวยังถือเป็นนโยบายที่จะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับประเทศไทยได้อีกทางหนึ่ง ถ้าหากทุกอย่างลุล่วงไปได้ด้วยดี เราอาจจะได้เห็นวงการกีฬา และวงการท่องเที่ยว กลับมาบูมอีกครั้ง

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image