‘รีโอเกมส์’ กับปัญหาข้ามเวลาเกือบ 3 พันปี

โอลิมปิกเกมส์ครั้งนี้โดนกระแสวิจารณ์อย่างหนักตั้งแต่การแข่งขันยังไม่เปิดฉาก เนื่องด้วยมีสารพันปัญหาที่ชวนให้แฟนๆ และวงการกีฬารอบนอกเป็นห่วง ทั้งปัญหามลพิษ ปัญหาโรคระบาด (ซิกา) ปัญหาความปลอดภัย ไปจนถึงการคอร์รัปชั่นภายในประเทศ

อย่างไรก็ตาม เดวิด เคลย์ ลาร์จ อาจารย์ด้านประวัติศาสตร์จากมหาวิทยาลัย แคลิฟอร์เนีย เบิร์กเลย์ ออกมาบอกเล่าข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์ว่า ทุกๆ นิยามด้านลบที่ รีโอเกมส์ เผชิญนั้น หากย้อนไปในการแข่งขันโอลิมปิกยุคโบราณเมื่อเกือบๆ 3 พันปีก่อนแล้ว ถือว่าสถานการณ์ยิ่งเลวร้ายกว่านี้อีกหลายเท่า

ลาร์จ บอกว่า กรณีปัญหาด้านความปลอดภัยนั้น เนื่องด้วยยุคกรีกโบราณ เมื่อผู้คนมารวมตัวกันเพื่อชมการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกซึ่งมีตัวแทนของเมืองหรือรัฐต่างๆ เข้าร่วมแข่งขัน ความที่หลายเมืองเป็นปฏิปักษ์กัน ต่างคนจึงต้องระวังตัว เพราะการกระทบกระทั่งกันแม้เล็กน้อยอาจบานปลายกลายเป็น “สงคราม” ขนาดย่อมๆ ได้

ถึงขั้นที่ชาวกรีกโบราณต้องทำสัญญาสงบศึกชั่วคราวในช่วงแข่งขันโอลิมปิกเกมส์แต่ละครั้ง ซึ่งสัญญานี้พอจะจำกัดความเสียหายได้เฉพาะในสนามกีฬาอันศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น แต่พออยู่นอกสนาม ก็มักจะเกิดเหตุการณ์ทำร้ายร่างกายหรือต่อสู้กันระหว่างนักกีฬาหรือผู้ชมอย่างสม่ำเสมอ

Advertisement

ลาร์จกล่าวว่า เหตุการณ์สำคัญซึ่งเป็นตัวอย่างของกรณีนี้ คือเมื่อ 364 ปีก่อนคริสตกาล เมื่อเมืองเอลิสเสียสิทธิในการควบคุมหรือบริหารจัดการวิหารศักดิ์สิทธิ์ของมหาเทพ ซุส ให้กับบ้านใกล้เรือนเคียงอย่างปิซ่า ทำให้เสียสิทธิในการเป็นเจ้าภาพหรือผู้จัดโอลิมปิกเกมส์ไปด้วย

เมืองเอลิสไม่พอใจอย่างมาก จึงส่งกองทัพบุกการแข่งขันโอลิมปิกเกมส์ กลายเป็นการสู้รบละเลงเลือดระหว่างแข่งขันกีฬามวยปล้ำ จนนักประวัติศาสตร์บางคนไม่ยอมรับโอลิมปิกเกมส์ในปีนั้นเป็นโอลิมปิกเสียด้วยซ้ำ!

spo03080859p2

นอกจากนี้ยังมีกรณีของเมือง สปาร์ต้า ที่โดดเด่นเรื่องการทหารและความโหดเหี้ยม จนโดนแบนจากการแข่งขันโอลิมปิกเกมส์ยุคโบราณนานหลายปี เพราะนักกีฬาของสปาร์ต้ามักลงไม้ลงมือกับคู่ต่อสู้เกินกว่าเหตุจนถึงขั้นเลือดตกยางออก ซึ่งพวกเขาได้กลับเข้าไปแข่งอีกครั้งเมื่อ 420 ปีก่อนคริสตกาล แต่ก็ไม่วายก่อเหตุรุนแรงระหว่างแข่งจนโดนแบนอีกครั้ง

ลาร์จคะเนด้วยว่า อีกเหตุผลที่ชาวกรีกโบราณไม่ยอมรับชาวเมืองสปาร์ต้าเท่าไรนัก เนื่องจากนักรบของดินแดนนี้มีความเชื่อว่าการจะสู้รบได้อย่างแข็งแกร่งนั้น ต้องไม่อาบน้ำชำระร่างกาย ทำให้พวกเขามีกลิ่นตัวแรงมาก ซึ่งสำหรับชาวกรีกที่ยึดถือเรื่องความหรูหราสง่างามแล้ว เป็นเรื่องที่รับไม่ได้อย่างยิ่ง

ในส่วนของปัญหาเรื่องมลภาวะ ไม่ว่าจะเป็นมลพิษทางน้ำตามสนามแข่งขันกีฬาทางน้ำกลางแจ้ง หรือปัญหาสุขลักษณะของห้องน้ำในหมู่บ้านนักกีฬานั้น โอลิมปิกเกมส์ยุคเก่าก่อนก็มีเรื่องของความ “สกปรก” เป็นประเด็นใหญ่ไม่แพ้กัน

ลาร์จ บอกว่า เนื่องด้วยยุคโบราณไม่มีเทคโนโลยีหรือระบบห้องสุขาในลักษณะของการกำจัดสิ่งปฏิกูลแบบเดียวกับในยุคปัจจุบัน แม้แต่การเปิดน้ำให้ไหลตามก๊อกก็ยังไม่มี ดังนั้น สำหรับโอลิมปิกเกมส์ซึ่งมักจะแข่งกันในช่วงฤดูร้อนที่อากาศร้อนจัดในแถบเมดิเตอร์เรเนียนแล้ว การทำธุระถ่ายหนักถ่ายเบาในสุขาชั่วคราวของคนนับพันที่ไปรวมตัวกันจึงกลายเป็นภาพที่ไม่น่าดูแม้แต่นิดเดียว

สุขาดังกล่าวกลายเป็นแหล่งรวมเหล่าแมลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งแมลงวัน รวมทั้งโรคภัยต่างๆ ซึ่งบางครั้งร้ายแรงถึงชีวิต และไม่ใช่แค่ขาดแคลนน้ำเพื่อทำความสะอาดอย่างเดียว ความที่อากาศร้อนจัดทำให้น้ำดื่มหายาก บางครั้งจึงมักมีผู้เสียชีวิตจากอาการขาดน้ำอยู่เป็นระยะๆ ด้วย

ส่วนประเด็นเรื่องการโกง ติดสินบน หรือแม้กระทั่งปัญหาสมัยใหม่อย่างการใช้สารต้องห้าม หรือ “โด๊ปยา” นั้น ในโอลิมปิกเกมส์ยุคโบราณก็มีปัญหาไม่ต่างกัน เพราะเช่นเดียวกับยุคปัจจุบัน ผู้ชนะการแข่งขันมักจะได้รับลาภยศ ชื่อเสียง เป็นสิ่งตอบแทน แถมยังเป็นหน้าเป็นตาของเมืองนั้นๆ นักกีฬาแต่ละคนหรือผู้หลักผู้ใหญ่ของแต่ละเมืองจึงต้องพยายามทุกวิถีทางเพื่อให้ฝ่ายตัวเองเป็นผู้ชนะ

ลาร์จกล่าวในตอนท้ายว่า สิ่งหนึ่งที่โอลิมปิกยุคโบราณมี แต่หาได้ยากหน่อยในยุคปัจจุบัน คือเรื่องของมนต์ดำและคุณไสย ซึ่งเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสู่ชัยชนะของแต่ละเมือง

ถ้าเป็นยุคนี้สมัยนี้ก็แปรสภาพเป็นการบนบานศาลกล่าว หรือเครื่องรางของขลัง ซึ่งเป็นลักษณะของเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ ไม่ใช่ “อาวุธ” หลักเหมือนสมัยก่อนนั่นเอง

spo03080859p3

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image