ตอนนี้นักกีฬาไทยคว้าเหรียญแล้ว 4 คนจากยกน้ำหนักล้วนๆ คนไทยได้ปลื้มปริ่มกับความสำเร็จค่อนข้างเร็วในโอลิมปิกหนนี้ แต่เมื่อได้สัมผัสกับนักกีฬาไทยหลายๆ คนอย่างใกล้ชิด คนที่ไม่ได้เหรียญ ทั้งๆ ที่เป็นตัวความหวังหรือมีแววจะทำได้ก่อนจะมาแข่ง ยังมีอาการซึมเศร้าให้เห็น
“ปุ๊กลุก” ศิริภุช กุลน้อย จอมพลังสาวที่ยกคลีนแอนด์เจิร์กไม่ขึ้น ทั้งที่สแนทช์อยู่อันดับ 3 ยังดูซึมๆ ไม่ค่อยพูดไม่ค่อยจาหรือ “ณี” สุธิยา จิวเฉลิมมิตร นักยิงเป้าบินมือ 1 โลกที่ไม่ประสบความสำเร็จ 3 หนซ้อนในโอลิมปิกมีสีหน้าเครียดๆ เพราะทุ่มเทมาก แต่ยังไม่ถึงเวลาประสบความสำเร็จของตัวเอง
ความเหลื่อมล้ำของอันดับ 1 2 3 กับอันดับ 4 ในโอลิมปิกเกมส์มีช่องว่างที่กว้างมาก เมื่อมีเหรียญคล้องคอและเดินทางกลับถึงไทย จะถูกห้อมล้อมด้วยแฟนกีฬาจำนวนมาก รับเงินรางวัล ของขวัญ ขณะที่คนไม่มีเหรียญจะถูกทิ้งไว้ข้างหลังทุกครั้ง
ไม่แปลกที่คนมักจะสนใจนักกีฬาที่ประสบความสำเร็จมากกว่านักกีฬาที่ไม่มีผลงาน รายการทีวี งานอีเวนต์ต่างๆ จะถาโถมเข้ามาหาฮีโร่ ส่วนคนที่ไม่มีเหรียญก็เป็นตัวประกอบบ้าง คนสำคัญบ้าง หรือคนไม่จำเป็นบ้าง แล้วแต่รูปแบบของงาน
นักกีฬาในโอลิมปิกหลายคนจบในอันดับ 4 หรือ 5 บางคนสร้างประวัติศาสตร์ใหม่ให้กับวงการของตัวเอง วิทยา ทำว่อง นักยิงธนูเข้าถึงรอบ 16 คนสุดท้าย ถือเป็นการสร้างประวัติศาสตร์ใหม่ให้วงการยิงธนูไทย อัฐพล เอื้ออารี นักแม่นปืนในประเภทปืนยาว เป็นคนแรกในประวัติศาสตร์ นักยิงปืนยาวที่เข้าถึงรอบไฟนัลโอลิมปิกได้ นักกีฬาเหล่านี้ควรได้รับมากกว่าคำชม
จะเป็นไปได้หรือไม่ ที่จะมีหลักเกณฑ์มอบเงินรางวัลให้กับนักกีฬาที่ได้อันดับ 4 หรือ 5 หรือคนที่ทำประวัติศาสตร์ใหม่ๆ ให้กีฬาของประเทศชาติ
เพราะกีฬามักจะตัดสินใจด้วยการเป็นที่ 1-3 เท่านั้น รางวัลอาจจะมาในรูปแบบเงินเดือน ระยะเวลายาวๆ เป็นทุนในการใช้ชีวิตในอนาคต
สมาคมกีฬามวยสากลฯ ประกาศอัดฉีดนักกีฬาทันที 2 ล้านบาท ถ้าได้โควต้าโอลิมปิก และถ้าได้เหรียญอีกก็จะมีเพิ่มเติมแน่ๆ นี่เป็นตัวอย่างที่ดีในการลดความเหลื่อมล้ำของคนประสบความสำเร็จกับผู้ผิดหวัง
การมาแข่งกีฬาแห่งมวลมนุษยชาติแบบต้องผ่านการคัดเลือกมาอย่างหนักแล้วต้องมาพลาดเหรียญเป็นเรื่องเจ็บปวด แต่ต้องทำใจยอมรับให้ได้
สมจิตร จงจอหอ นักชกฮีโร่เหรียญทอง ปักกิ่งเกมส์ 2008 ที่พลาดหวังในเอเธนส์เกมส์ 2004 เตรียมเลิกชกไปแล้ว แต่พอกลับถึงไทย ได้รับกำลังใจจากคนแปลกหน้า นักมวยจากโคราชก็ฮึดกลับมาอีกครั้ง จนประสบความสำเร็จได้ในอีก 4 ปีถัดมา
เมื่อเรื่องเงินรางวัลปลอบใจยังเป็นเพียงการนำเสนอไอเดีย กำลังใจจากแฟนๆ กีฬาจึงเป็นสิ่งที่มีค่ามากที่สุดหลังจากที่ “คนไม่จำเป็น” เดินทางถึงบ้าน
