ผู้เขียน | Stivie T |
---|
คอลัมน์เกรียนเขียนบอล By Stivie T : วิกฤติของหงส์
เกิดอะไรขึ้นกับแชมป์เก่าอย่าง “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล เมื่อพวกเขาไม่สามารถเอาชนะใครในลีกมาได้ 5 เกมติดต่อกัน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเกมล่าสุดที่พ่ายคาบ้านต่อเบิร์นลีย์ไป 0-1 ในรูปเกมที่ต้องบอกว่าเหมือนหลายๆ นัดที่ผ่านมา คือครองเกมได้ แต่แนวรุกกลับปืนฝืดกันไปหมดเอง
นี่คือการพ่ายคาบ้านครั้งแรกในรอบ 3 ปี กับ 273 วัน นับตั้งแต่โดนคริสตัล พาเลซ บุกมาเอาชนะเมื่อเดือนเมษายน ปี 2017
และเป็นครั้งแรกในรอบ 15 ปี ที่เยอร์เก้น คล็อปป์ คุมทีมแล้วไม่สามารถยิงคู่แข่งได้ 4 นัดติดต่อกันแบบนี้ ตั้งแต่ตอนที่คุมไมนซ์05 ในเยอรมนีนู่น
แนวรุกที่เคยทำประตูมากที่สุดในลีก กลับยิงใครไม่ได้ 438 นาทีเข้าไปแล้ว ทั้งๆ ที่ช่วงเวลาตรงนั้น สามารถสร้างโอกาสได้ถึง 87 ครั้ง แต่กลับยิงไม่เข้าแม้แต่ลูกเดียว
จากที่นำจ่าฝูงอยู่ดีๆ ตอนนี้กลายมาเป็นว่าเอาตัวเองกลับไปเล่นยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ฤดูกาลหน้าให้ได้ก่อนจะดีกว่า
หงส์แดงไม่เคยเจอปัญหาแบบนี้มาก่อน ที่กองหน้าทั้ง 3 คนนัดกันฟอร์มฝืดแบบนี้ ทั้งซาดิโอ มาเน่, โมฮัมเหม็ด ซาลาห์ และโรแบร์โต้ ฟิร์มิโน่ ปกติถ้าคนใดฝืด อีก 2 คนก็จะก้าวขึ้นมาทำประตูทดแทนกันได้ตลอด
แต่นี่เห็นได้ชัดว่าเล่นไปเล่นมาเหมือนคนไม่เคยเล่นด้วยกันมาก่อน จ่ายบอลไม่ตรงบ้าง จับบอลห่างเป็น 2 วาบ้าง ขณะที่การตัดสินใจยิงก็ไม่ดี โอกาสยิงแต่ละครั้งเหมือนเขี่ยบอลกลับไปให้ผู้รักษาประตู หรือไม่ก็ยิงนกตกปลาทั้งสิ้น
แถมตัวพลิกเกมอย่างดิโอโก้ โชต้า ก็พักยาวถึงเดือนหน้า
ขณะที่ฟอร์มของคู่แบ๊กซ้าย-ขวา ในฤดูกาลนี้ดร็อปลงไปแบบเห็นได้ชัดมาก ทั้งเทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ และแอนดี้ โรเบิร์ตสัน การเปิดบอลไม่ได้เปรียบเหมือนเดิม ซึ่งเกมรุกของลิเวอร์พูลต้องพึ่งแบ๊กทั้งสองมาโดยตลอดอยู่แล้ว
หลายคนมองว่าปัญหาหลักเริ่มต้นเลยมาจากการที่ขาดเฟอร์กิล ฟาน ไดค์ ลูกพี่ใหญ่ในแผงแนวรับ ที่ส่งอิมแพ็คไปถึงทุกตำแหน่งในสนาม ยิ่งเล่นยิ่งขาดความมั่นใจกันไปเอง บางเกมต้องถอยเอากองกลางถึง 2 คน ลงมาเล่นเซนเตอร์ด้วยกัน ทำให้ทีมขาดสมดุลในแดนกลาง
ขณะที่ตัวมาใหม่อย่างติอาโก้ อัลคันทาร่า ยังไม่สามารถปรับตัวเข้ากับทีมได้แบบแนบสนิท แม้เขาจะมีทักษะและการจ่ายบอลที่ดี แต่อาการบาดเจ็บทำให้เขาร้างสนามไปนาน และพอกลับมาเจอแนวรุกฟอร์มฝืดอีก ไหนจะต้องถอยมายืนต่ำในตำแหน่งเบอร์ 6 ทำให้เขาโชว์ฟอร์มได้ไม่เต็มที่ของตัวเอง
ก่อนเกมคล็อปป์ยังบอกว่านี่ไม่ใช่วิกฤติที่สุด จริงๆ ก็เป็นคำพูดที่ถูก เพราะวิกฤติที่สุดมันเกิดขึ้นตอนนี้แล้วนี่แหละ
ถึงขั้นยอมรับว่าคงต้องเลิกมองไปถึงการลุ้นแชมป์ก่อนในตอนนี้ แสดงว่าคล็อปป์ก็รับสภาพเหมือนกันว่าทีมย่ำแย่จริงๆ
แต่บางทีนี่ก็อาจจะเป็นบทพิสูจน์ด้วยเช่นกันว่าคล็อปป์จะเอาตัวรอดจากวิกฤตินี้อย่างไร
หรือจะซ้ำรอยเดิมกับปีสุดท้ายของเขาที่ดอร์ทมุนด์หรือไม่นั้น
ต้องรอดูกันต่อไป