สกู๊ปพิเศษ : ‘เอเด็น อาซาร์’ จาก ‘ดีลในฝัน’ สู่ ‘ฝันร้าย’ ที่มาดริด

MADRID, SPAIN - NOVEMBER 26: Eden Hazard of Real Madrid leaves the pitch with an injury during the UEFA Champions League group A match between Real Madrid and Paris Saint-Germain at Bernabeu on November 26, 2019 in Madrid, Spain. (Photo by David Ramos/Getty Images)

สกู๊ปพิเศษ : ‘เอเด็น อาซาร์’ จาก ‘ดีลในฝัน’ สู่ ‘ฝันร้าย’ ที่มาดริด

หลังจากที่ เอเด็น อาซาร์ ปีกค่าตัวมหาศาลของสโมสร รีล มาดริด ได้รับบาดเจ็บที่กล้ามเนื้อ จากการลงเล่นในฐานะตัวสำรองเพียง 15 นาที ในเกมลาลีก้า สเปน นัดที่ 27 ที่ราชันชุดขาวเปิดบ้านเอาชนะ เอลเช่ ไปได้ 2-1 นับเป็นอาการบาดเจ็บครั้งที่ 11 ของเจ้าตัว ตั้งแต่ปีกวัย 30 ปีรายนี้ได้ขนข้าวขนของออกจากสแตมฟอร์ด บริดจ์ มาค้าแข้งที่เบร์นาเบว

นับตั้งแต่ เอเด็น อาซาร์ ย้ายร่วมทีมรีล มาดริด เมื่อฤดูกาล 2019/2020 ปีกทีมชาติเบลเยียม ลงสนามให้กับราชันชุดขาวเพียง 36 นัดในทุกรายการ ยิงได้ 4 ประตู และทำแอสซิสต์ 7 ครั้ง พลาดการลงสนามจากอาการบาดเจ็บไป 362 วัน คิดเป็น 50 นัด ลงเล่นช่วยทีมเพียง 2,191 นาที

หากเทียบกับสมัยที่เจ้าตัวค้าแข้งอยู่ในถิ่นเมืองผู้ดี อย่าง เชลซี เป็นเวลาทั้งหมด 7 ปี อาซาร์มีอาการบาดเจ็บ 11 ครั้ง และพลาดการลงสนามเพียงแค่ 198 วัน หรือ 20 นัด เรียกได้ว่าถ้าใครเป็นแฟนทีมสิงห์บลูส์ การได้เห็นปีกตัวจี๊ดรายนี้บาดเจ็บ เป็นเรื่องที่หาดูยากมากๆ

Advertisement

อาซาร์ ถือได้ว่าเป็นผู้เล่นตัวความหวังของเหล่าแฟนๆ ราชันชุดขาว ที่หลายคนต่างคาดหวังในตัวเขาว่า จะเข้ามาทดแทนการขาดหายไปของ “ซีอาร์ 7” คริสเตียโน่ โรนัลโด้ เป็นทายาทสืบสกุลหมายเลข 7 คนต่อไป

ทว่าเมื่อความคาดหวังสูง แต่ผลงานกลับสวนทาง ทำให้ตอนนี้เอเด็น อาซาร์ กลายเป็นผู้เล่นที่แฟนฟุตบอลรีล มาดริด โหวตให้เป็นการเป็นเซ็นสัญญาที่ย่ำแย่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของสโมสร จากผลโพลของมาร์ก้า สื่อดังของสเปน โดยทำการสำรวจความคิดเห็นไว้เมื่อช่วงเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เอาชนะผู้เล่นอย่าง แกเร็ธ เบล และ โจนาธาน วู้ดเกต อดีต 2 ผู้เล่นซึ่งเคยตกอับกับมาดริด มาก่อนหน้านี้

Advertisement

คงเป็นคำถามของแฟนบอลทั่วโลกว่า เหตุใดตอนนี้แข้งทีมชาติเบลเยียม จึงเข้าๆ ออกๆ โรงพยาบาลมากกว่าพื้นสนามหญ้าฟุตบอล จากนักฟุตบอลที่เคยก้าวขึ้นมาเป็นแข้งระดับท็อปของโลกลูกหนัง มาวันนี้ อาซาร์ กลายเป็นแข้งกระดูกยุง ที่พอได้โอกาสกลับมาลงสนามทีไร ก็จะได้รับบาดเจ็บไปเสียทุกครั้ง โดยแบ่งเป็นการเจ็บที่กล้ามเนื้อ 4 ครั้ง, เจ็บกล้ามเนื้อหลังต้นขา 1 ครั้ง, เจ็บข้อเท้า 1 ครั้ง, เจ็บกระดูกส่วนหน้าแข้ง 2 ครั้ง, เจ็บขา 2 ครั้ง และติดไวรัสโควิด-19 1 ครั้ง

ครั้งหนึ่ง คริส ฟาน กรอมบรูช หัวหน้าทีมแพทย์ของทีมชาติเบลเยียม เคยออกมาพูดถึงสาเหตุสำคัญที่อาซาร์ ได้รับอาการบาดเจ็บบ่อยครั้งว่า คาดว่าเจ้าตัวอยากเร่งเรียกฟอร์มเก่งกลับมาให้เร็วที่สุด เลยพยายามดึงศักยภาพร่างกายให้ได้มากที่สุด แต่กลับส่งผลเสียเพราะเกินขีดจำกัดที่ร่างกายจะรับไหว

แม้ว่าในเรื่องนี้ ซีเนอดีน ซีดาน กุนซือรีล มาดริด จะออกมาบอกแล้วว่า การบาดเจ็บของอาซาร์ไม่ได้เกี่ยวกับสภาพจิตใจที่ย่ำแย่แต่อย่างใด เพราะปีกซ้ายรายนี้มีจิตใจที่แข็งแกร่ง แต่บางครั้งเมื่อนักเตะเจอปัญหาอาการบาดเจ็บ ก็ต้องอดทน เชื่อว่าอาซาร์จะสามารถรับมือกับเรื่องนี้ได้

แต่ถ้านำเรื่องนี้มาเทียบกับ บทความเผยแพร่ความรู้สู่ประชาชน ของคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล เรื่องความเครียดและภาวะการปวดกล้ามเนื้อ อธิบายว่า เมื่อเรารู้สึกวิตกกังวลหรือมีความกลัวเกิดขึ้น ร่างกายของเราจะตกอยู่ในภาวะที่มีความเครียด ทันใดนั้นร่างกายจะมีการตอบสนองอย่างอัตโนมัติเกิดขึ้นทันที เช่น อัตราการเต้นของหัวใจเพิ่มขึ้น อัตราการหายใจเพิ่มขึ้น ความดันโลหิตเพิ่มขึ้น เลือดไปเลี้ยงที่กล้ามเนื้อมากขึ้น รวมถึงกล้ามเนื้อมีความตึงตัวเพิ่มขึ้น

บทความดังกล่าวสอดคล้องกับความเห็นของ คริส ฟาน กรอมบรูช ก็ดูมีความเป็นไปได้ เพราะเราจะสังเกตได้ว่าอาซาร์ได้รับอาการบาดเจ็บนับเฉพาะที่กล้ามเนื้อไปถึง 4 ครั้ง จากการบาดเจ็บ 11 ครั้ง ในยุคของราชันชุดขาว

แล้วอาซาร์ เกิดภาวะความเครียดจากอะไร พวกเราไม่สามารถไปรับรู้ได้ แต่พอเดาๆ ได้ว่าผู้เล่นวัย 30 ปีรายนี้ เคยทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมสมัยค้าแข้งอยู่กับสิงโตน้ำเงินคราม ที่ยุคนั้นซัดไป 110 ประตู กับอีก 92 แอสซิสต์ จนทำให้ ฟลอเรนติโน่ เปเรซ ประธานสโมสรรีล มาดริด ทุ่มทุนมหาศาลคว้าเจ้าตัวมาร่วมทีม ด้วยค่าตัว 88 ล้านปอนด์ (3,784 ล้านบาท) ทำให้หลายคนคาดหวังในตัวเขาสูงมาก จนแบกรับความกดดันนี้เอาไว้ไม่ไหว

อีกหนึ่งเหตุผลคงหนีไม่พ้นคำว่าตัวตายตัวแทนของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ที่แฟนบอลส่วนใหญ่วาดฝันเอาไว้ว่า อดีตปีกสิงห์บลูส์จะเข้ามาทดแทนการขาดหายไปของ ซีอาร์ 7 ได้อย่างไม่ต้องสงสัย เพราะเจ้าตัวเคยผ่านลีกสุดโหดอย่างพรีเมียร์ลีกมาแล้ว ซึ่งอาจเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้เจ้าตัวเกิดความเครียด เพราะต้องแบกรับความกดดันนี้เอาไว้ทุกครั้งที่ลงสนามในสีเสื้อของราชันชุดขาว

แต่ไม่ว่าจะเอาอีกร้อยแปดเหตุผลอะไรมาอ้างให้กับ เอเด็น อาซาร์ คงไม่สามารถเอาความไว้เนื้อเชื่อใจของเหล่าแฟนบอลมาดริดกลับมาได้แล้วตอนนี้ เพราะครั้งแล้วครั้งเล่า ที่อาซาร์เข้าออกสนามกับโรงพยาบาล จนหมดความน่าเชื่อถือ ทำลายความหวัง ทำลายความฝันของแฟนบอลชุดขาวไปจนหมด พูดได้ว่าแฟนบอลลุ้นจนท้อไปหมดแล้ว

สิ่งเดียวที่จะกู้ศรัทธาแฟนบอลคืนมาได้ ก็คือผลงานในสนาม อาซาร์มีสัญญากับมาดริดถึงปี 2024 ต้องรอดูกันว่า 3 ปีเศษที่เหลือ เขาจะสามารถเค้นฟอร์มเก่งกลับมาได้หรือไม่ หรือจะถูกขายหรือปล่อยยืมในช่วงเวลาที่เหลือ

และทำให้ “ดีลในฝัน” เมื่อ 2 ปีที่แล้ว กลายเป็น “ฝันร้าย” ของทั้งเจ้าตัวและแฟนบอลตลอดไป

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image