ครบรอบ 20 ปี ‘เวนเกอร์’กับ’พรีเมียร์ลีก’

วันที่ 22 กันยายนที่ผ่านมา ถือเป็นวันสำคัญวันหนึ่งของ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ลีกลูกหนังยอดนิยมอันดับ 1 ของโลกในยุคปัจจุบัน เนื่องด้วยวันนี้เมื่อ 20 ปีที่แล้ว สโมสร อาร์เซน่อล ได้แถลงเปิดตัว อาร์แซน เวนเกอร์ อดีตกุนซือทีม นาโกย่า แกรมปัส เอท เป็นผู้จัดการทีมคนใหม่

เมื่อแรกแต่งตั้งนั้น กุนซือรูปร่างผอมสูงชาวฝรั่งเศสคนนี้โดนสื่อเมืองผู้ดีค่อนแคะพอสมควร เนื่องด้วยปืนใหญ่วางแผนจะเซ็นสัญญาระยะยาวกับ เซอร์บ๊อบบี้ ร็อบสัน ซึ่งเบื้องต้นปู่บ๊อบตอบรับจะมาคุมทีมแล้ว แต่โดน ปอร์โต้ รั้งตัวไว้เสียก่อน เดวิด ไดน์ ผู้บริหารทีมในเวลานั้นจึงนึกถึงโค้ชชาวฝรั่งเศสที่เขาเคยพบในงานปาร์ตี้ย้อนหลังไปเมื่อปี 1989 ขึ้นมา

ตอนอาร์เซน่อลแถลงแต่งตั้งเวนเกอร์นั้น หนังสือพิมพ์ อีฟนิ่ง สแตนดาร์ด พาดหัวตัวโตๆ ว่า “เวนเกอร์ไหนนะ?” เป็นเชิงเหน็บแนมว่าเขาเป็นกุนซือโนเนมที่ไม่มีใครรู้จัก ขณะที่ ซันเดย์ มิร์เรอร์ บอกว่า เขาดูไม่น่าจะมาคุมทีมฟุตบอลได้

ผ่านไป 20 ปี เวนเกอร์กลายเป็นกุนซือที่มีประวัติทำทีมต่อเนื่องยาวนานที่สุดในลีกในเวลานี้ กับผลงานการพาทีมคว้าแชมป์พรีเมียร์ 3 สมัย (ฤดูกาล 1997-98, 2001-02 และ 2003-04) และแชมป์เอฟเอคัพ 6 สมัย (ฤดูกาล 1997-98, 2001-02, 2002-03, 2004-05, 2013-14 และ 2014-15) รวมถึงเคยพาทีมเข้าชิงถ้วยยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก 1 ครั้ง ในฤดูกาล 2005-06 และเข้าชิงยูฟ่าคัพ 1 ครั้ง ในฤดูกาล 1999-2000

Advertisement
ปืนใหญ่คว้าแชมป์ลีกฤดูกาล 2003-04 พร้อมทำสถิติไร้พ่าย
ปืนใหญ่คว้าแชมป์ลีกฤดูกาล 2003-04 พร้อมทำสถิติไร้พ่าย

ทุกวันนี้แม้ว่าอาร์เซน่อลและเวนเกอร์มักจะโดนแซวว่าเป็นพวก “ท่าดีทีเหลว” เริ่มต้นได้อย่างมีลุ้นแต่สุดท้ายก็พลาดหวังไปทุกทีม แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าปืนใหญ่ยังคงเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวสำหรับทุกทีม และอาจกลายเป็น “ก้าง” ชิ้นโตที่ขวางไม่ให้ยักษ์ใหญ่บางทีมไปถึงตำแหน่งแชมป์ อย่างฤดูกาลก่อนที่ทีมใหญ่หลายทีมพากันเละเทะ เวนเกอร์ก็ยังประคองทีมให้จบอันดับ 2 ของตารางมาได้

จุดเด่นของเวนเกอร์คือฟุตบอลสไตล์สร้างสรรค์สวยงามและสายตาเฉียบคมในการดึงแข้งดาวรุ่งมาปั้นจนแข็งแกร่ง แถมยังมีไอคิวลูกหนังสูงจนบรรดาสื่ออังกฤษที่เคยแขวะเขาในตอนแรก ตั้งฉายาให้ว่า “เดอะ โปรเฟสเซอร์” ในเวลาต่อมา

จอร์จ เวอาห์ อดีตกองหน้าทีมชาติไลบีเรียซึ่งกลายเป็นนักเตะแอฟริกันคนแรกที่คว้ารางวัลนักฟุตบอลยอดเยี่ยมแห่งปีของ สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) และนักฟุตบอลยอดเยี่ยมของยุโรป สมัยยังใช้ชื่อ บัลลงดอร์ เมื่อปี 1995 ให้เครดิตเวนเกอร์ว่าเป็นบุคคลสำคัญที่ช่วยให้เขาไปถึงจุดสูงสุดในชีวิตการค้าแข้งและมีชีวิตเป็นผู้เป็นคนมาจนทุกวันนี้ หลังจากโดนกุนซือชาวฝรั่งเศสดึงไปร่วมทีม โมนาโก เมื่อปี 1988

ด้าน เดอะ การ์เดี้ยน กล่าวถึง 20 ปีของเวนเกอร์กับวงการลูกหนังอังกฤษว่า น่าจะแบ่งเกียรติประวัติของเขาได้กว้างๆ 3 ยุค ยุคแรกคือตอนที่สื่อและแฟนบอลเริ่มยอมรับว่า เขาคือกุนซือชาวต่างชาติคนแรกที่ประสบความสำเร็จในลีกลูกหนังอังกฤษ หลังจากช่วยยกระดับการเล่นของทีมปืนใหญ่และพาทีมคว้าแชมป์ในปี 1998 แม้แต่ยอดโค้ชของเกาะอังกฤษอย่าง เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน และ แซม อัลลาร์ไดซ์ ก็ยังยอมรับนับถือในฝีมือ

ยุคต่อมาคือตอนที่เขาขัดเกลาสไตล์การต่อบอลสั้นที่รวดเร็วสวยงามจนกลายเป็นจุดเด่นท่ามกลางบอลโยนแบบฉบับอังกฤษแท้ๆ โดยมี เธียร์รี่ อองรี กองหน้าเพื่อนร่วมชาติเป็นฟันเฟืองสำคัญในแนวรุก นำไปสู่สุดยอดสถิติอย่างแชมป์ไร้พ่าย (ชนะ 26 นัด เสมอ 12 นัด) ในฤดูกาล 2003-04

และยุคที่สาม คือช่วงครองความยิ่งใหญ่ระหว่างปี 2005-2011 เมื่ออาร์เซน่อลกลายเป็นขาประจำของทีมลุ้นแชมป์ลีก ด้วยการให้ความสำคัญกับเทคนิคมากพอๆ กับความแข็งแกร่งของร่างกาย จนอาร์เซน่อลเริ่มมีบทบาทในบอลถ้วยยุโรปมากขึ้น แม้ว่าจะไปไม่ถึงตำแหน่งแชมป์ก็ตาม พร้อมตอกย้ำว่า บอลอังกฤษไม่จำเป็นต้องวิ่งเป็นบ้าเป็นหลังและโยนจากริมเส้นเข้ากลางเพียงอย่างเดียวก็ได้

ว่ากันว่าหลายๆ ทีมทั้งในประเทศและต่างประเทศต่างซึมซับสไตล์ฟุตบอลของเวนเกอร์ไปปรับใช้กับเกมของตัวเองไม่มากก็น้อย นั่นคืออีกหนึ่งอิทธิพลอย่างอ้อมๆ ของเดอะ โปรเฟสเซอร์ ที่มีต่อวงการลูกหนัง

น่าเสียดายที่ในช่วงหลัง แฟนบอลอาร์เซน่อลหลายคนเริ่มเบื่อหน่ายกับวัฏจักรความผิดหวังที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า เพราะถึงจะยอมรับได้กับความผิดหวังในถ้วยยุโรป แต่การพลาดแชมป์ลีกติดต่อกันนานถึง 12 ปีเต็ม เป็นเรื่องที่ทำใจได้ยากเข้าไปทุกที จนเริ่มถามหา “ความเปลี่ยนแปลง” มากขึ้นเรื่อยๆ

ในวาระดีๆ อย่างการครบรอบ 20 ปี จึงเป็นการเฉลิมฉลองที่ไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไรต่อไป

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image