| ผู้เขียน | Stivie T |
|---|
คอลัมน์ เกรียนเขียนบอล By Stivie T : บอลเปลี่ยนโค้ช
ณ จุดที่ลงมือเขียนต้นฉบับตัวนี้ ค่อนข้างแน่นอนแล้วว่าในสุดสัปดาห์นี้พรีเมียร์ลีกจะมีบอลเปลี่ยนโค้ชเพียงแค่คู่เดียวเท่านั้น
เพราะดูจากสถานการณ์ที่เซนต์ เจมส์ ปาร์ค แล้ว อย่างน้อยสตีฟ บรูซ น่าจะได้ทำงานต่ออย่างน้อยอีก 1 นัด แม้ว่าสโมสรจะถูกกลุ่มทุนจากซาอุดีอาระเบียอย่าง ซาอุดิอาระเบีย พับลิค อินเวสต์เมนต์ ฟันด์ (เอสพีไอเอฟ) เข้ามาเทคโอเวอร์ แต่ดูแล้วน่ายังไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไรใน 24-48 ชม.นี้แน่นอน เพราะถ้าจะทำ คงทำไปเป็นสัปดาห์แล้ว
ฉะนั้นเกมที่วิคาเรจ โร้ด น่าจะเป็นบอลเปลี่ยนโค้ชเพียงคู่เดียว นั่นก็คือการกลับมารับงานคุมทีมในพรีเมียร์ลีกอีกครั้งของ “ทิงเคอร์แมน” เคลาดิโอ รานิเอรี่
นับเป็นการเทคแอคชั่นที่รวดเร็วของทีมแตนอาละวาด แม้ว่าผลงานของทีมเอาจริงๆ ไม่ได้แย่ขนาดต้องรีบเปลี่ยนโค้ช รั้งอันดับ 14 ของตารางอยู่ แต่อาจจะต้องการความเปลี่ยนแปลงจึงคิดเร็วทำเร็วเช่นนี้
แต่ว่างานแรกของรานิเอรี่เอง ต้องบอกว่าไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เพราะต้องรับมือกับ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ที่เพิ่งจะโชว์เกมสุดยอดในการเสมอกับ “เรือใบสีฟ้า” เมื่อก่อนเข้าเบรกทีมชาติไป
อีกทั้งหงส์แดงเองต้องการเก็บ 3 คะแนนเพื่อจะขึ้นไปรั้งจ่าฝูงก่อนชั่วคราว ก่อนที่บรรดาทีมเบียดแย่งแชมป์อย่าง เชลซี และแมนฯ ซิตี้ จะลงเล่นตามๆ กันมา
อย่างไรก็ตาม รานิเอรี่ เป็นกุนซือที่มีสถิติการคุมเกมแรกในลีกให้แต่ละสโมสรดีอย่างมาก นับทั้งหมด 17 ครั้งที่เขาคุมทีมลงเล่นเกมลีกนัดแรก ชนะไปถึง 10 ครั้ง เสมอ 2 และแพ้ไป 5 เกมด้วยกัน
ฉะนั้นฟุตบอลเปลี่ยนโค้ชมักจะชอบสร้างปัญหาให้กับผู้ที่ต้องพบเจออยู่เสมอ แล้วตัวหงส์แดงเอง แม้ผลงานจะเกาะอยู่ในระดับหัวตาราง แต่ช่วงหลังเกมรับเองก็ดูจะมีปัญหาเสียประตูง่ายๆ อยู่เสมอ
แล้วอย่าลืมว่า เมื่อครั้งล่าสุดที่เจอกัน วัตฟอร์ด คือทีมที่หยุดสถิติไม่แพ้ใครในลีกของลิเวอร์พูลเอาไว้เพียง 44 นัด และทำให้พลาดโอกาสสร้างสถิติแชมป์ไร้พ่าย เมื่อฤดูกาล 2019/20 อีกด้วย
แม้จะให้สัมภาษณ์แบบเกรงๆ ทางฝั่งหงส์แดงอยู่เล็กๆ แต่เชื่อว่ารานิเอรี่ ตั้งเป้าประเดิมด้วยชัยชนะสร้างขวัญกำลังใจแน่นอน
