ผู้เขียน | เอคูสติก |
---|
คอลัมน์เกรียนเขียนบอล : รอยร้าวที่ชัดขึ้น
หลังจบเกมแดงเดือด ที่ ลิเวอร์พูล บุกมายำใหญ่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คาโอลด์ แทรฟฟอร์ด 5-0 ทำให้ได้เห็นภาพที่ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ว่า บรรยากาศภายในทีมปีศาจแดงเป็นแบบไหน
โอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์ ได้รับคำชมเรื่องหนึ่ง คือ การไม่มีปัญหากับนักเตะเหมือนโค้ชคนก่อนหน้านี้ เขาดูประณีประนอม และพยายามรวมใจให้บรรยากาศห้องแต่งตัวกลมเกลียว
ไม่รู้ว่าเพราะบรรยากาศในเกมพาไป หรือความคับข้องหมองใจของนักเตะ ที่ทำให้หลายคนแสดงอาการน็อตหลุดออกมา
คริสเตียโน่ โรนัลโด้ เตะบอลอัด เคอร์ติส โจนส์ แบบน่าเกลียด ทั้งๆ ที่เขาไม่ใช่นักเตะมีลูกแถมแบบนั้น ปอล ป๊อกบา ลงมาไม่นานก็ทำฟาวล์จนโดนใบแดง ทั้งๆ ที่มี 11 คนเท่ากันทีมก็สู้ไม่ไหวแล้ว
หลังจบเกมบรรดานักเตะต่างออกมาโพสต์ในโซเชียลมีเดียในแง่ลบมากกว่าการปลุกใจเหมือนที่ผ่านมา
ดาบิด เด เกอา*โพสต์ว่า เราเล่นกันเหมือนเด็กๆ และมันก็เป็นแบบนี้มานานแล้ว นัดก่อนหน้านั้นที่แพ้เลสเตอร์ ซิตี้ 2-4 ป๊อกบาเรียกร้องหาความเปลี่ยนแปลง ทำให้ถูกตีความกันไปว่า เขาอยากให้เปลี่ยนโค้ชเสียที
ขณะที่โซลชาร์พูดได้ชัดเจนมากหลังจบเกมว่า เป็นวันที่แย่ที่สุดในชีวิต แต่ก็มาไกลเกินจะยอมถอยแล้ว
สภาพจิตใจของนักเตะแมนฯยูถือว่าอยู่ในช่วงที่พังพินาศ ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้ไม่กี่วันเพิ่งแซงชนะอตาลันต้า 3-2 ทั้งๆ ที่โดนนำไปก่อน 2-0 และกำลังใจกลับมาดี แต่ถ้ามองผลงานในช่วง 4 นัดหลังของพรีเมียร์ลีก แพ้ไปถึง 3 และเสมอ 1
การโดนถล่ม 5-0 คาโอลด์ แทรฟฟอร์ด ก็เป็นเรื่องสาหัสพอแล้ว แต่มันเกิดจากน้ำมือของลิเวอร์พูล คู่อริอันดับหนึ่ง ทำให้น้อยคนที่ถือหางแมนฯยูจะยอมรับและให้กำลังใจต่อไปได้
เชื่อว่านักเตะหลายคนเริ่มคิดถึงอนาคตของตัวเองในตลาดหน้าหนาวนี้แล้ว มีหลายคนที่ก่อนหน้านี้ยังไม่มีความชัดเจน อย่างป๊อกบา ที่ยังไม่ต่อสัญญา ถึงแม้ว่าจะบอกว่ามีความสุขดีกับการเล่นให้แมนฯยูตอนนี้ แต่ภาพที่ออกมาในเกมนี้ มันกลับไม่เป็นแบบนั้น
ดอนนี่ ฟาน เดอ เบ็ค เป็นคนที่แน่นอนแล้วว่าจะไป เพราะไม่ได้รับโอกาสแถมยังให้ความหวังอยู่ตลอด เจสซี่ ลินการ์ด ที่กำลังจะหมดสัญญา ก็มีแนวโน้มสูงขึ้นที่จะไปหาโอกาสลงสม่ำเสมอให้ตัวเอง
นักเตะเหล่านี้อาจจะอยู่ต่อ ถ้ามีการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี ซึ่งก็คงต้องหมายถึงเปลี่ยนโค้ชที่สร้างสมดุลย์ให้ทีมมากกว่านี้ มีแผนการเล่นที่หลากหลาย ให้นักเตะประสิทธิภาพสูงที่ไม่ค่อยได้รับโอกาส หมุนเวียนกันเล่นทำผลงานที่ดีกันได้มากกว่าที่เป็นอยู่
เพราะถ้าทีมยังอยู่ในสภาพ 3 วันดี 4 วันไข้ แบบนี้ต่อไป ถึงจะได้ลงสนามเป็นตัวหลัก กุนซือทีมชาติอาจจะเมินเรียกตัวติดทีมก็ได้
ถึงจะกลับมาชนะได้อีก แต่ยังต้องวนลูปไปอย่างนี้ การเปลี่ยนแปลงเป็นสิ่งที่เหมาะสมที่สุดในเวลานี้แล้ว
คงต้องบอกว่า เกมแพ้ลิเวอร์พูล เป็นการกระเทาะเปลือกให้เห็นเนื้อในของแมนฯยูได้มากขึ้น ขึ้นอยู่กับบอร์ดบริหารจะตัดสินใจแบบไหน เมื่อไร ก็เท่านั้นเอง