ผ่าเส้นทางลูกหนัง แอมแปร์-ณัฐวดี ปร่ำนาค สู่การเป็นจอมทัพคนใหม่ชบาแก้ว

ผ่าเส้นทางลูกหนัง แอมแปร์-ณัฐวดี ปร่ำนาค สู่การเป็นจอมทัพคนใหม่ชบาแก้ว

“ชบาแก้ว” ทีมฟุตบอลหญิงทีมชาติไทย กำลังลงฟาดแข้งอยู่ในศึกชิงแชมป์เอเชีย รอบสุดท้าย ที่ประเทศอินเดีย ในเวลานี้ โดยภารกิจในครั้งนี้ของทัพแข้งน่องนิ่มไทยคือ การคว้าตั๋วไปลุยฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายเป็นสมัยที่ 3 ให้ได้

หนึ่งในขุนพลทัพชบาแก้วนี้ที่น่าจับตามองเป็นพิเศษคงหนีไม่พ้น “น้องแอมแปร์” ณัฐวดี ปร่ำนาค มิดฟิลด์สาวน้อยหน้าใสวัย 21 ปี จากพิษณุโลก ซึ่งเธอคือแข้งดาวรุ่งสาวที่ได้รับโอกาสบินข้ามน้ำข้ามทะเลไปเรียน และร่วมฝึกซ้อมกับทีม ยูนิเวอร์ซิตี้ ออฟ แคโรไลนา เพื่อลงเล่นในฟุตบอลลีกระดับมหาวิทยาลัย ในสหรัฐอเมริกา

ย้อนกลับไปจุดเริ่มต้นเส้นทางลูกหนังของ “แอมแปร์” ถือว่าน่าสนใจเลยทีเดียว โดยเฉพาะเรื่องของการแบ่งเวลาเล่นฟุตบอล และเวลาเรียนควบคู่กันไป ซึ่งเธอสามารถทำผลงานได้ดีทั้ง 2 อย่าง จนน่าเอาเป็นแบบอย่างของเยาวชนรุ่นใหม่ที่สนใจในการเล่นกีฬาควบคู่ไปกับการเรียน

แอมแปร์ คลุกคลีอยู่กับกีฬาลูกหนังตั้งแต่อายุ 7 ขวบ จากการชักชวนของอาจารย์ที่ โรงเรียนประชานิเวศน์ ให้เข้าไปฝึกซ้อมฟุตบอล ด้วยความเป็นนักกีฬาที่มีติดตัวมาตั้งแต่เด็ก ทำให้สาวน้อยรายนี้รู้สึกสนุกกับการฝึกซ้อมในแต่ละวัน จนเริ่มหลงไหลในกีฬาชนิดนี้

Advertisement

ด.ญ.ณัฐวดี เริ่มจากการเล่นกีฬาฟุตซอลมาก่อน ด้วยทักษะเบสิค ที่โดดเด่นกว่าเด็กในรุ่นราวคราวเดียวกัน ทำให้เธอได้รับโอกาสย้ายเข้าไปอยู่ใน โรงเรียนกีฬากรุงเทพมหานคร ตั้งแต่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ซึ่งสิ่งที่เธอเลือกเดินนั้น ดูสวนทางกับเด็กผู้หญิงในวัยเดียวกันอย่างมาก เพราะเธอไม่ได้ชอบเล่นกระโดดยาง หรือเล่นตามภาษาเด็กผู้หญิงทั่วไป

แต่เธอชอบใช้เวลาอยู่กับแดดร้อนๆ ในสนามพื้นหญ้าสีเขียว พร้อมกับฝึกซ้อมฟุตบอลอย่างหนักหน่วงเหมือนกับเด็กผู้ชาย และสิ่งที่ต้องชื่นชมคือการได้รับแรงสนับสนุนจากครอบครัวที่เข้าใจในตัวของแอมแปร์เป็นอย่างดี พร้อมกับปล่อยให้เธอได้โลดแล่นอยู่ในเส้นทางตามความฝันต่อไป

ช่วงเวลาที่แอมแปร์ ได้ลงเล่นให้กับทีม ร.ร.กีฬากรุงเทพฯ เหมือนเป็นการได้พัฒนาฝีเท้า พร้อมกับดึงศักยภาพในตัวเองออกมา โดยเธอเป็นนักเตะตัวหลักให้กับทั้งทีมฟุตบอลหญิง และทีมฟุตซอลหญิงของโรงเรียน ลงแข่นขันตามทัวร์นาเมนต์ขาสั้นรายการต่างๆ อีกทั้งยังได้รับโอกาสลงเล่นในไทยวีเมนส์ลีก หรือลีกฟุตบอลหญิงสูงสุดของไทย ร่วมกับ สโมสรกรุงเทพมหานคร

Advertisement

ด้วยฝีเท้าที่เก่งกาจจนต้องจับตามอง บวกด้วยรูปร่างหน้าตาที่น่ารัก น่าเอ็นดู ตามสไตล์สปอร์ตเกิร์ล ทำให้แอมแปร์เริ่มกลายเป็นที่รู้จักมากขึ้น และได้รับความสนใจจากกลุ่มแฟนบอลขึ้นมาทันทีผ่านสื่อโซเชียลมีเดียที่ได้เห็นลีลาการกระชากลากเลื้อยของเธอภายใต้ในหน้าอันน่ารักสดใส

อย่างไรก็ตาม นอกจากผลงานในสนามที่ไปได้ด้วยดีแล้ว นอกสนามแอมแปร์ยังถือเป็นอีกหนึ่งนักกีฬาที่เก่งในด้านวิชาการไม่แพ้กัน โดยเธอได้เข้าศึกษาต่อที่ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ก่อนใช้เวลาเพียงเทอมเดียวกับการทำคะแนนสอบ จนสามารถยื่นเกรดเข้าไปศึกษาต่อที่สหรัฐอเมริกา ได้ทันที แม้อายุของเธอจะน้อยกว่าเกณฑ์ก็ตาม

การไปใช้ชีวิตในอเมริกาของเธอ นอกจากจะได้ทุนการศึกษาเรียนฟรีแล้ว แอมแปร์ยังได้เดินตามเส้นทางลูกหนังที่เธอรัก ด้วยการเข้าไปร่วมฝึกซ้อมกับทีมฟุตบอลหญิง ยูนิเวอร์ซิตี้ ออฟ แคโรไลนา เพื่อลงเล่นในฟุตบอลลีกระดับมหาวิทยาลัย เหมือนอย่างรุ่นพี่ในทัพชบาแก้วอย่าง “มิรันด้า” สุชาวดี นิลธำรงค์ ที่เคยผ่านเวทีนี้มาแล้วเหมือนกัน

แอมแปร์ ต้องปรับตัวเรียนรู้วัฒนธรรมใหม่ทั้งหมด ซึ่งเธอเองก็เคยออกมาให้สัมภาษณ์ว่า ไม่ได้รู้สึกกดดันกับการไปเล่นในอเมริกาเลยแม้แต่น้อย ทั้งเรื่องภาษา และการปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมที่นั่นเป็นสิ่งที่เธอทำได้ดีอยู่แล้ว

แต่เรื่องฟุตบอล คือสิ่งที่เธอต้องเริ่มเรียนรู้ใหม่ทั้งหมด เพราะด้วยสรีระร่างกายของชาวเอเชียที่ไม่ได้สูงใหญ่ ทำให้เสียเปรียบในจังหวะเข้าประทะ รวมถึงสไตล์การเล่นแบบอเมริกันขนานแท้ ที่มักจะใช้วิธีการโยนบอมขึ้นหน้าอย่างเดียว ไม่มีการทำชิ่งต่อบอลสวยงามอะไรทั้งนั้น ทำให้แอมแปร์จะต้องเรียกความฟิตมากกว่าเดิมเป็นพิเศษกับการไปเล่นที่นั่น

แน่นอนว่าการได้ไปค้าแข้งในต่างแดนคือความฝันของใครหลายคน แต่อีกหนึ่งฝันของแอมแปร์นั้นคือการขึ้นมาติดทีมชาติชุดใหญ่ และไปเล่นฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายให้ได้สักครั้งในชีวิต

ในเส้นทางทีมชาติไทย แอมแปร์ เคยมีดีกรีกัปตันทีมทัพชบาแก้ว รุ่นอายุไม่เกิน 19 ปี ไปลุยในศึกชิงแชมป์อาเซียน 2020 ที่ประเทศอินโดนีเซีย ก่อนถูกเรียกตัวขึ้นมาเล่นทีมชาติชุดใหญ่ครั้งแรกตั้งแต่อายุ 19 ปี ในยุคของ “โค้ชหนึ่ง” หนึ่งฤทัย สระทองเวียน ที่ส่งเธอลงไปเก็บประสบการณ์ในเกมอุ่นเครื่องต่างๆ

หลังจากนั้นชื่อของแอมแปร์แจ้งเกิดเต็มตัวในยุคของ “โค้ชก้าง” นฤพล แก่นสน ที่เธอได้รับโอกาสลงสนามผสานงานในแดนกลางทัพชบาแก้วร่วมกับนักเตะรุ่นพี่อย่าง “ปิ่น” พิกุล เขื่อนเพ็ชร และ “หมิว” ศิลาวรรณ อินต๊ะมี ในศึกชิงแชมป์อาเซียน ปี 2019 ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ

ถึงแม้การขึ้นมาติดทีมชาติครั้งแรกของแอมแปร์จะยังดูตื่นเต้น และไม่เป็นตัวของตัวเอง แต่เธอก็ก้าวข้ามขีดจำกัดเหล่านั้นได้ด้วยการตั้งใจฝึกซ้อม และเก็บเกี่ยวประสบการณ์ให้ได้มากที่สุด จนเริ่มมีความมั่นใจ และค่อยๆ โชว์ฟอร์มออกมาได้อย่างเต็มที่

จนเมื่อเวลาผ่านไปไม่นาน “แอมแปร์” ซึ่งถือเป็นเพชรเม็ดงามที่ถูกบ่มเพาะมาเป็นอย่างดีของวงการฟุตบอลหญิงไทย ได้ถูกผลักดันขึ้นมาเป็นส่วนประกอบในทีมชาติชุดใหญ่ พร้อมยังเป็นกำลังหลักสำคัญของทัพชบาแก้ว ในยุคของ มิโยะ โอกาโมโตะ กุนซือชาวญี่ปุ่นในเวลานี้

พร้อมกับกลายเป็นกำลังหลักสำคัญของทัพชบาแก้ว ลงเล่นในศึกชิงแชมป์เอเชีย 2022 ในครั้งนี้ ซึ่งจากฟอร์มในนัดแรกที่แอมแปร์ลงประจำการในตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวรุก ในนัดพลาดท่าแพ้ให้กับสาวฟิลิปินส์ 0-1 แล้ว ก็ต้องบอกว่าฝีเท้าของเธอนั้นโดดเด่นจนต้องจับตามองเป็นพิเศษเลยทีเดียว โดยเฉพาะการได้ผนึกกำลังในแดนกลางร่วมกับไอดอลของเธออย่าง “หมิว” ศิลาวรรณ อินต๊ะมี ที่ดูเข้าขากันแบบสุดๆ

ฝีเท้าของแอมแปร์ในวัย 21 ปี จะไปได้ไกลแค่ไหนในเส้นทางลูกหนัง และเธอจะเติมเต็มความฝันกับการไปเล่นฟุตบอลโลก 2023 รอบสุดท้าย ที่ประเทศออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ เป็นเจ้าภาพ ได้หรือไม่ คงต้องช่วยกันส่งกำลังใจเชียร์ทั้งตัวของสาวน้อยรายนี้ รวมทั้งทัพชบาแก้วให้ฝ่าด่านครั้งนี้ไปให้ได้

แต่เชื่อว่าหาก “แอมแปร์” ณัฐวดี ปร่ำนาค ยังคงพัฒนาฝีเท้าต่อไปข้างหน้า เธอยังมีเวลาอีกมากมายในการก้าวขึ้นมาเป็นจอมทัพคนใหม่ของชบาแก้ว รวมทั้งมีโอกาสเป็นแข้งสาวคนต่อไปที่ได้ก้าวไปโลดแล่นในต่างแดนก็เป็นได้…

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image