นับถอยหลังระเบิดศึกบอลโลก ‘สด-ฟรี’ ดูจุใจ 64 แมตช์

เหลือเวลาอีกแค่เดือนกว่าๆ “ฟุตบอลโลก 2022” ที่ประเทศกาตาร์ จะเริ่มฟาดแข้งกันแล้ว ภายหลังโลกต้องเผชิญสถานการณ์โควิด-19 กว่า 2 ปี และโรคระบาดดังกล่าวยังไม่ยุติ อย่างไรก็ตาม นัดเปิดสนามจะมีขึ้นในวันที่ 20 พฤศจิกายน ที่อัล บายต์ สเตเดียม ระหว่าง “เจ้าภาพ” กาตาร์ กับ เอกวาดอร์

เวิลด์คัพฉบับกาตาร์ถือว่ามีความแปลกในเรื่องของเงื่อนเวลาในการแข่งขัน เพราะโดยปกติฟุตบอลโลกจะเตะกันช่วงเดือนมิถุนายน-กรกฎาคม ซึ่งเป็นช่วงปิดฤดูกาลของฟุตบอลลีกหลายลีกของโลก แต่ครั้งนี้ด้วยความที่เดือนมิถุนายน-กรกฎาคม เป็นหน้าร้อนของกาตาร์ อุณหภูมิจะสูงกว่า 40 องศาเซลเซียส หรืออาจจะมากกว่านั้น ทำให้ต้องปรับเวลาไปแข่งขันในช่วงหน้าหนาวของกาตาร์แทน

การปรับเปลี่ยนเวลาแข่งขัน ทำให้ลีกต่างๆ ต้องปรับโปรแกรมการแข่งขันให้สอดคล้องกับฟุตบอลโลก มีการเบรกเกมเตะ ส่วนสภาพอากาศที่กาตาร์ถึงจะเตะในช่วงหน้าหนาวแล้ว แต่อากาศอาจจะยังร้อนมากตามแบบฉบับประเทศแถบทะเลทราย ทำให้เจ้าภาพต้องเตรียมสนามที่ติดเครื่องปรับอากาศ ให้มีอุณหภูมิที่เหมาะสมทั้งการแข่งขันและการรองรับแฟนบอลหลายหมื่นคนต่อเกมอีกด้วย

การจับสลากแบ่งสาย ทั้ง 8 กลุ่ม ออกมาทั้งหมดแล้ว กลุ่มเอ กาตาร์, เอกวาดอร์, เซเนกัล, เนเธอร์แลนด์ / กลุ่มบี อังกฤษ, อิหร่าน, สหรัฐอเมริกา, เวลส์ / กลุ่มซี อาร์เจนตินา, ซาอุดีอาระเบีย, เม็กซิโก, โปแลนด์ / กลุ่มดี ฝรั่งเศส, เดนมาร์ก, ออสเตรเลีย, ตูนิเซีย / กลุ่มอี สเปน, คอสตาริกา, เยอรมนี, ญี่ปุ่น / กลุ่มเอฟ เบลเยียม, แคนาดา, โมร็อกโก, โครเอเชีย / กลุ่มจี บราซิล, เซอร์เบีย, สวิตเซอร์แลนด์, แคเมอรูน / กลุ่มเอช โปรตุเกส, กานา, อุรุกวัย,
เกาหลีใต้

Advertisement

32 ทีมในรอบสุดท้ายยังมีหลายทีมคุ้นเคยแฟนบอลบ้านเรา แต่กลับไม่มีอิตาลี อดีตแชมป์โลก 4 สมัย ไปร่วมบู๊ด้วย เพราะตกรอบคัดเลือกแบบน่าเหลือเชื่อ แถมยังเป็นการไม่ได้ตั๋วลุยฟุตบอลโลก รอบสุดท้าย 2 สมัยติดต่อกัน เพราะเมื่อ 4 ปีก่อนที่รัสเซียก็ไม่ได้ไปแข่งขันมาแล้ว ทีมดังทีมอื่นที่ไม่ได้มาโม่แข้งในครั้งนี้ยังมีอีกทั้งโคลอมเบีย, ชิลี, ปารากวัย, ไนจีเรีย

ส่วนทีมน้องใหม่ที่เข้ามาแข่งขันฟุตบอลโลก รอบสุดท้ายได้ครั้งแรก มีเพียงกาตาร์ ที่ได้สิทธิแข่งในฐานะเจ้าภาพเท่านั้น นอกจากนั้นต่างมีประสบการณ์ในเวิลด์คัพกันมาหมดแล้ว

สำหรับทีมเต็งที่บ่อนพนันถูกกฎหมายประเมินว่ามีโอกาสจะคว้าแชมป์มากที่สุดเป็นบราซิล เต็ง 2 เป็นฝรั่งเศส เต็ง 3 อังกฤษ เต็ง 4 อาร์เจนตินา และเต็ง 5 สเปน

แต่ถ้าย้อนไปในฟุตบอลโลก 4 ครั้งหลังสุด แชมป์ตกเป็นของชาติจากยุโรปล้วนๆ 2006 อิตาลี, 2010 สเปน, 2014 เยอรมนี และ 2018 ฝรั่งเศส ชาติจากอเมริกาใต้ได้แชมป์ครั้งสุดท้ายต้องย้อนไปในปี 2002 คือ บราซิล

อย่างไรก็ตาม ฟุตบอลโลก 2002 แข่งขันกันที่แผ่นดินเอเชีย ญี่ปุ่นกับเกาหลีใต้เป็นเจ้าภาพ และครั้งนี้วนกลับมาเตะกันที่เอเชียอีกครั้ง น่าสนใจว่าทีมแซมบ้าจะทำให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยได้หรือไม่

อีกเรื่องที่แฟนบอลจับตามองอย่างมาก คือ การลงเตะฟุตบอลโลกครั้งสุดท้ายของ 2 นักเตะผู้ยิ่งใหญ่อย่าง ลิโอเนล เมสซี่ กัปตันทีมชาติอาร์เจนตินา และ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ กัปตันทีมชาติโปรตุเกส เพราะอายุอานามทั้งคู่เข้าสู่โค้งสุดท้ายในการค้าแข้งแล้ว เมสซี่เองได้ยืนยันไปแล้วว่าครั้งนี้จะเป็นเวิลด์คัพหนสุดท้ายของตัวเอง ส่วนโรนัลโด้ในวัย 37 คงยากที่จะแบกร่างกายไหวถึงฟุตบอลโลกหนหน้า

ถ้าการวัดความยิ่งใหญ่ในโลกลูกหนัง คือ การต้องเป็นแชมป์ฟุตบอลโลก และการวัดกันว่าใครจะยิ่งใหญ่กว่านั้น ครั้งนี้เป็นโอกาสสุดท้ายของทั้งคู่ในการจะลุ้นชูถ้วยแชมป์โลกแล้ว

สำหรับรายชื่อนักเตะของทั้ง 32 ชาตินั้น สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) กำหนดให้ส่งรายชื่อรอบแรก 35-55 คน ภายในวันที่ 21 ตุลาคมนี้ ก่อนจะตัดให้เหลือ 23-36 คนสุดท้าย ในวันที่ 14 พฤศจิกายน

สาเหตุที่ฟีฟ่าให้แต่ละทีมส่งรายชื่อนักเตะได้มากถึง 26 คน จากฟุตบอลโลกหนก่อนๆ 23 คน เพื่อให้สอดคล้องกับกฎการเปลี่ยนตัวสำรองระหว่างเกม จาก 3 เป็น 5 คน แต่ไม่จำเป็นว่าจะต้องส่งรายชื่อ 26 คน แบบเต็มอัตราก็ได้ แต่ต้องไม่น้อยกว่า 23 คน แน่นอนว่าหลายชาติคงไม่ยอมเสียสิทธิและใช้โควต้าครบ 26 คน แน่นอน มีเพียงสเปน ที่ หลุยส์ เอ็นริเก้ กุนซือของทีมประกาศแล้วว่า จะเรียกนักเตะไปลุยบอลโลก 23-24 คน เท่านั้น

ส่วนประเด็นที่ห่วงกันว่าถ้ามีนักเตะติดเชื้อโควิด-19 จะมีการปรับเปลี่ยนได้หรือไม่นั้น ฟีฟ่าระบุว่า ถ้ามีนักเตะเจ็บหรือติดโควิดจนไม่สามารถแข่งขันได้ ทีมนั้นๆ สามารถเรียกนักเตะรายอื่นมาเสริมทีมได้ ก่อนจะลงเตะเกมแรกของรอบแบ่งกลุ่ม แต่ต้องเป็นนักเตะที่เคยส่งรายชื่อ 35-55 คน ในรอบแรกมาแล้วเท่านั้น

ในช่วงเวลาเดือนกว่าๆ แฟนบอลชาวไทยคงยังสงสัยว่าจะได้ดูฟุตบอลโลกหรือไม่ เพราะตอนนี้ยังไม่มีข่าวคราวและการโหมกระแสการแข่งขันให้คึกคักเหมือนที่เคยเป็น

ล่าสุด “บิ๊กก้อง” ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ออกมายืนยันเองว่า คนไทยจะได้ดูฟรีแน่นอน ถ้าเอกชนไม่ซื้อลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสด ภาครัฐพร้อมจะเข้าไปดำเนินการเจรจากับฟีฟ่าเพื่อซื้อลิขสิทธิ์ให้คนไทยได้ดูตามกฎ “มัสต์แฮฟ” อย่างแน่นอน จากข้อมูลที่ได้ทราบมานั้น เวลานี้กำลังมีผู้ที่ให้ความสนใจอยู่

ส่วนในเรื่องของงบประมาณในการซื้อลิขสิทธิ์นั้น ผู้ว่าการ กกท.บอกว่า อาจเป็นงบประมาณจากรัฐบาล หรือไม่งบประมาณผ่านทางกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ อย่างไรก็ตาม ยังหวังว่าในช่วงเวลาที่้เหลือนี้ ภาคเอกชนจะสามารถดำเนินการตกลงรายละเอียด และซื้อลิขสิทธิ์กับทางฟีฟ่าได้

สำหรับค่าลิขสิทธิ์ที่ไทยจะต้องจ่าย คาดว่าใกล้เคียงกับที่เวียดนามกำลังเจรจาซื้อ โดยมีสื่อเวียดนามรายงานว่า ค่าลิขสิทธิ์อยู่ที่ 15 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 570 ล้านบาท

ขณะนี้มี 95 ประเทศซื้อลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดจากฟีฟ่าเรียบร้อยแล้ว ในส่วนชาติในอาเซียนที่ซื้อลิขสิทธิ์เรียบร้อยแล้วมี 4 ชาติ คือ บรูไน, กัมพูชา, อินโดนีเซีย, มาเลเซีย โดยประเทศที่ลงทุนซื้อลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก 2022 แพงที่สุดคือ สหรัฐอเมริกา ที่ซื้อแพคเกจ 2 ครั้งคือ ปี 2018 พ่วงปี 2022 จ่ายไปทั้งสิ้น 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 3.8 หมื่นล้านบาท

เมื่อมีการคอนเฟิร์มแล้ว การันตีได้ดูถ่ายทอดสดฟรีรัวๆ ครบทุกแมตช์ แฟนบอลชาวไทยก็ต้องเตรียมพร้อมร่างกายไว้ให้ดี

ศึกบอลโลกหนนี้มีเตะ 4 เวลา 17.00 น., 20.00 น., 23.00 น., 02.00 น. รวม 64 แมตช์

ครบตั้งแต่เลิกเรียน-เลิกงาน ไปจนถึงค่ำคืนดึกดื่นข้ามคืน

ส่วนเครือมติชนนั้น มีกิจกรรมลุ้นโชคและรายงานข่าวสารก่อน ระหว่าง และหลังการแข่งขันให้ติดตามกันอย่างเต็มที่เหมือนเดิม แน่นอน ดูสนุก แมตช์มัน ไม่พอยังได้ลุ้นรางวัลใหญ่อีกต่างหาก

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image