ศึกแดงเดือด! ฟุตบอลที่ไม่ต้องสนใจฟอร์มก่อนหน้า เพราะอะไรก็เกิดขึ้นได้

ศึกแดงเดือด! ฟุตบอลที่ไม่ต้องสนใจฟอร์มก่อนหน้า เพราะอะไรก็เกิดขึ้นได้

ฟุตบอลพรีเมียร์ลีกสุดสัปดาห์นี้ทุกสายตาน่าจะจับจ้องกันไปที่สนามโอลด์ แทรฟฟอร์ด (ที่ไม่ใช่รีสอร์ทแอนด์สปา) เพราะน่าจะเป็นอีกหนึ่งนัดที่สามารถตัดสินแชมป์พรีเมียร์ลีกในฤดูกาลนี้ได้

แม้ว่าการเจอกันของ “ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กับ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ในเวลานี้อาจจะไม่ใช่การดวลกันของทีมลุ้นแชมป์โดยตรง แต่ก็มีผลเพราะหงส์แดงจำเป็นต้องเก็บชัยชนะให้ได้เพื่อแซงทั้ง อาร์เซน่อล กับ แมนซิตี้ กลับไปเป็นจ่าฝูงอีกครั้ง

ในขณะที่ปีศาจแดง แม้ว่าจะมีฤดูกาลที่เหลวแหลก โดยเฉพาะเกมล่าสุดที่บุกไปแพ้เชลซี แบบที่เสีย 2 ประตูในนาทีที่ 90+10 และ 90+11 จนความหวังไปฟุตบอลถ้วยยุโรปในฤดูกาลหน้าแทบจะหมดลง แต่อย่างน้อยพวกเขาก็ต้องการหยุดคู่ปรับตลอดกาล ไม่ให้ทำสถิติแชมป์ลีกสูงสุดเทียบเท่า (20 สมัย) ได้ในปีนี้

ADVERTISMENT

ซึ่งก่อนหน้านี้พวกเขาเพิ่งจะดับฝันการคว้าควอดรูเปิลแชมป์ส่งท้ายให้เยอร์เก้น คล็อปป์ ของพลพรรคเดอะค็อป ด้วยการถีบตกรอบเอฟเอ คัพ รอบ 8 ทีมสุดท้ายไปแบบเจ็บแสบ ดังนั้นถ้าหากสุดสัปดาห์นี้หยุดหงส์แดงจนทำให้ชวดแชมป์พรีเมียร์ลีกได้อีก อาจจะจบฤดูกาลแบบมีความสุข (สำหรับแฟนผี) ก็เป็นไปได้

ถึงแม้ว่าฟอร์มการเล่นจะต่างกันสุดขั้ว เพราะทีมหนึ่งฤดูกาลนี้เพิ่งแพ้ไปแค่ 2 เกม ส่วนอีกทีมก็แพ้แค่ 2 ครั้งเหมือนกัน แต่เป็นครั้งแล้ว กับครั้งเล่า อย่างไรก็ตามการเจอกันของสองทีมนี้ ก็ต้องวางสถิติอื่นๆ ออกให้หมด แล้ววัดกันในสนามล้วนๆ ไม่เคยมีการการันตีว่าทีมที่ดีกว่าจะเป็นผู้ชนะได้

ADVERTISMENT

ทั้งสองทีมเจอกันมาทั้งหมด 213 นัด แมนยูเป็นฝ่ายชนะมากกว่าอยู่ที่ 83 นัด ลิเวอร์พูลชนะได้ 71 นัด และเสมอกันไปอีก 59 นัด

อย่างไรก็ตามตั้งแต่ที่อีริก เทน ฮาก เข้ามาคุมทีมปีศาจแดง ยังไม่เคยแพ้ให้กับหงส์แดงในบ้านตัวเองเลย จาก 2 นัดที่เจอกันมา เมื่อฤดูกาลก่อนในพรีเมียร์ลีกเอาชนะได้ 2-1 และล่าสุดที่เจอกันในเอฟเอ คัพ ก็ต่อเวลาพิเศษเอาชนะมาได้ 4-3

ฉะนั้นนี่คือโจทย์ของเยอร์เก้น คล็อปป์ ที่จะต้องทำสิ่งที่ไม่เคยทำได้ให้เป็นไปได้ เพื่อจะเดินหน้าลุ้นแชมป์ต่อไป เหมือนอย่างที่สัปดาห์ก่อนสามารถเอาชนะไบรท์ตัน ของ โรแบร์โต้ เด แซร์บี้ ที่ไม่เคยชนะมาได้ก่อนเป็นครั้งแรกเช่นกัน

อีกจุดหนึ่งที่ถือว่าน่าสนใจไม่น้อยก็คือผู้ตัดสินในเกมนี้อย่างแอนโธนี่ เทย์เลอร์ ที่พอประกาศชื่อออกมา ไม่น่าเชื่อว่าจะโดนร้องยี้จากแฟนบอลทั้งสองฝั่ง

ในมุมฝั่งแฟนลิเวอร์พูล บอกว่าปีนี้เทย์เลอร์ตัดสินแบบงงๆ ในนัดที่ลิเวอร์พูลลงเตะหลายนัด อย่างเช่นการไม่ให้จุดโทษเชลซีในเกมนัดเปิดสนามจากการทำแฮนด์บอล และสถิติปีนี้ตัดสิน 4 นัด ลิเวอร์พูลชนะแค่เกมเดียว เสมออีก 2 และแพ้ไป 1 นัด

แต่ทางฝั่งแมนยู ปีนี้เจอกับเทย์เลอร์แค่ 2 นัด คือในลีกที่แพ้อาร์เซน่อล 1-3 กับในเอฟเอคัพ ชนะวีแกน 2-0 ทว่าสถิติที่น่ากลัวคือเวลาเทย์เลอร์ลงตัดสินเกมแดงเดือด แมนยูยังไม่เคยชนะได้เลย แถม 2 จาก 3 เป็นการตัดสินในโอลด์แทรฟฟอร์ด ที่พวกเขาแพ้ 2-4 ในเดือนพฤษภาคม 2021 และโดนถล่ม 5-0 แบบแฟนบอลเดินออกจากสนามจนกลายเป็นภาพไวรัล เมื่อเดือนตุลาคม 2021

ขึ้นชื่อว่าแดงเดือด ยังไงก็เป็นเกมที่คาดเดาผลได้ยากและไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นได้เสมอ

เชื่อว่าคราวนี้ฝั่งที่เชียร์แมนยูน่าจะเพิ่มขึ้นมาพอสมควร เพราะคงได้แฟนจากอาร์เซน่อลหรือแมนซิตี้คอยช่วยอีกแรง

ฉะนั้นบอกเลยว่าเป็นเกมที่กระพริบตาไม่ได้ทีเดียว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image