การแข่งขันกีฬามหาวิทยาลัยอาเซียน ครั้งที่ 19 ที่กรุงเนปิดอว์ ประเทศพม่า มีพิธีเปิดอย่างเป็นทางการแล้ว ที่อินดอร์สเตเดียม ภายในศูนย์กีฬาวันนา ธีกดิ เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม โดยมีอู มินต์ ส่วย รองประธานาธิบดีพม่า เป็นประธานในพิธีเปิด ขณะที่ไทยมี น.ส.ชฎารัตน์ สิงหเดชากุล ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษาร่วมพิธี สำหรับนักกีฬาไทยที่ถือธงนำขบวนทัพปัญญาชนไทยเข้าสู่พิธีเปิด คือ “เงือกเอมี่” เอมมิกา หิมะทองคำ นักว่ายน้ำทีมชาติไทยชุดเอเชี่ยนเกมส์ ครั้งที่ 18 ที่ประเทศอินโดนีเซีย
สำหรับการแสดง เจ้าภาพให้นักดนตรีชื่อดังของประเทศ อาทิ นิน ซี เมย์, มี แซนดี้ แอนด์ โปรเจ็กต์ เค และชาน ชาน ร่วมโชว์สร้างความบันเทิงให้กับผู้ชมในอินดอร์สเตเดียม รวมทั้งการแสดงศิลปวัฒนธรรมพม่า บรรยากาศเป็นไปอย่างเรียบง่าย
ชินลงมาตามนัดประเดิมทองแรก
ชินลง อีเวนต์ 1 รอบรองชนะเลิศ ไทย ชนะ ลาว 301-162 คะแนน ผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศไปพบกับมาเลเซียที่พลิกล็อกชนะพม่า 212-206 คะแนน
ผลในรอบชิงชนะเลิศ ไทยเหนือกว่ามากชนะไป 305-209 คะแนน คว้าเหรียญทองแรกในมหกรรมให้ทัพนักกีฬาปัญญาชนไทยได้สำเร็จ เหรียญเงิน มาเลเซีย และเหรียญทองแดง พม่า
นักกีฬาชินลงไทยชุดนี้ประกอบด้วย กิตติวินท์ วาทะวัฒนะ, ธนาพร แคนชัยภูมิ, เกษมศักดิ์ ไหลหาโคตร, กิตติชัย แสนคำราช, จักรกฤษณ์ สิงขรอาจ, ดุสิต ปิยะวงษ์, นพเดช จุไรย์, ธงชัย สมบัติเกิด
แบดทีมชายทะลุแย่งทองกับมาเลเซีย
แบดมินตันประเภททีมชายไทยเอาชนะสิงคโปร์ 3-0 คู่ ในรอบรองชนะเลิศ ผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศได้สำเร็จ โดยผลงานในรอบแบ่งกลุ่ม กลุ่มบี ไทย ชนะ ลาว 5-0 คู่ และชนะมาเลเซีย 4-1 คู่ คว้าแชมป์กลุ่มมาพบกับสิงคโปร์ รองแชมป์กลุ่มเอ
เดี่ยวมือ 1 อดุลรัชต์ นามกูล ชนะ ซี ซวน โดมินิค โซ๊ะ 21-12, 21-8 เดี่ยวมือ 2 สิทธิคมน์ ธรรมศิลป์ ชนะ ซุ่น หยาง เบอร์นาร์ด อ่อง 21-15, 21-12 เดี่ยวมือ 3 กิตติพงศ์ อิ่มนาค ชนะ ชิน อาน เอิง 17-21, 21-14, 21-8 เข้าไปพบกับมาเลเซีย
คู่ต่อสู้ถอนเกลี้ยง‘สุชญา’ชวดแข่งวูซู
วูซูไทยยังไมมีเหรียญติดมือ โดยประเภทยุทธลีลาเต้าซู่ มีนักกีฬาเพียง 2 คน โดยในวันที่สอง สุจินดา หยางรุ่งรวิน ทำคะแนนได้ 9.25 คะแนน แต่คิดคะแนนรวมกันกับวันแรก แพ้นักกีฬาจากมาเลเซีย ทำให้ได้อันดับ 2 และไม่ได้เหรียญรางวัล เนื่องจากมีข้อบังคับว่า อีเวนต์ใดที่มีนักกีฬาแข่งเพียง 2 คน จะมอบเหรียญทองให้กับผู้ชนะเพียงคนเดียวเท่านั้น
ส่วนประเภทต่อสู้ รุ่น 56 กก.ชาย มีแข่งเพียง 2 คนเช่นกัน ทำให้เป็นรอบชิงชนะเลิศไปโดยปริยาย เจด็จ งามแก้ว นักต่อสู้ไทย แพ้อาดี้ โรมินโต้ ตานูรุง จากอินโดนีเซีย 1-2 ยก ทำให้ไม่ได้เหรียญรางวัลเช่นกัน
รุ่น 60 กก.ชาย รอบรองชนะเลิศ ทักษ์ดนัย สุขมล ชนะน็อกยก 1 เฮียน ธิรี นักกีฬาเจ้าภาพ เข้าไปชิงชนะเลิศกับละที อินทะวง จากลาว ต่อด้วยรุ่น 48 กก.หญิง รอบรองชนะเลิศ ศิริลักษณ์ แก้วชา ชนะซอง ฮนิน ฮเท็ต จากพม่า 2-1 ยก เข้าไปชิงชนะเลิศกับนักกีฬาจากอินโดนีเซีย
นอกจากนั้นประเภทต่อสู้ รุ่น 70 กก.ชาย กิตติศักดิ์ สุขสงวน และ รุ่น 65 กก.ชาย จารุวัฒน์ ขุนเพชร ผ่านเข้าชิงชนะเลิศไปก่อนหน้านี้แล้ว
นายอธิพัฒน์ พวงทอง หัวหน้าผู้ฝึกสอนวูซูปัญญาชนไทย กล่าวว่า เนื่องจากวูซูเพิ่งบรรจุในมหกรรมนี้เป็นครั้งแรก ทำให้เจ้าภาพอ้างระเบียบการแข่งขันที่มอบเหรียญทองเพียงเหรียญเดียวให้กับอีเวนต์ที่มีนักกีฬาลงแข่งเพียง 2 คน และอีเวนต์ที่มีนักกีฬาแข่ง 3 ชาติ จะมอบเหรียญทองให้อันดับ 1 และเหรียญเงินให้อันดับ 2 เท่านั้น ซึ่งยังไม่เคยได้รับแจ้งกฎนี้มาก่อน นักกีฬาทุกคนคิดว่าใช้กฎเดียวกับสหพันธ์วูซูนานาชาติ ที่จะมอบเหรียญให้กับนักกีฬาที่ลงแข่งขันแม้จะมีนักกีฬาเพียง 2-3 คนต่ออีเวนต์ก็ตาม นอกจากสุจินดากับจเด็จแล้ว ประเภทต่อสู้ รุ่น 60 กก.หญิง สุชญา บัวหลวง ที่มาแล้วแต่กลับไม่ได้ลงแข่ง เพราะคู่ต่อสู้ทั้งพม่าและลาวชั่งน้ำหนักไม่ผ่าน ทำให้ไม่มีคู่ต่อสู้ และเจ้าภาพไม่หานักกีฬามาร่วมแข่งขัน จึงเสียสิทธิไปอย่างน่าเสียดาย สำหรับทุกคนที่เข้าชิงชนะเลิศ กำชับนักกีฬาแล้วว่าจะต้องคว้าเหรียญทองมาให้ได้
บอลชายชนะมาเลเซีย3-1จ่อเข้ารอบรอง
ฟุตบอลไทยยังคงฮอตต่อเนื่องไล่อัดเอาชนะ “เสือเหลือง” มาเลเซีย ไปได้ 3-1 ในนัดที่สอง ของรอบพบกันหมด
ไทยได้ 2 ประตู จากกษิตินาถ ศรีภิรมย์ นาทีที่ 9, 67 และอีก 1 ประตูจาก บัณฑิต ปาพ้นภัย นาทีที่ 18 ส่วนมาเลเซียตีไข่แตกได้จากโมฮัมเหม็ด อาลีฟฟิค วาน นาทีที่ 90 ทำให้ไทยคว้าชัยได้ 2 นัดติดนำเป็นจ่าฝูงมีโอกาสผ่านเข้าไปป้องกันแชมป์ได้สูง
สำหรับนัดต่อไปเกมที่ 3 ไทยจะพบกับลาว ในวันที่ 12 ธันวาคม ตรงกับเวลาไทย 19.00 น.
