‘เสธ.ยอด’ โวยถูก ปธ.สหพันธ์กลั่นแกล้ง ลั่นเตรียมเก็บหลักฐานฟ้องศาลกีฬาโลก

ความคืบหน้ากรณีที่สมาคมกีฬายกน้ำหนักสมัครเล่นแห่งประเทศไทย แสดงความรับผิดชอบจากกรณีนักกีฬาถูกตรวจพบสารต้องห้าม ด้วยการไม่ส่งนักกีฬายกน้ำหนักเข้าร่วมแข่งขันระดับนานาชาติ รวมถึงโอลิมปิกเกมส์ 2020 ที่ประเทศญี่ปุ่น แต่ยังจัดการแข่งขันยกน้ำหนักชิงชนะเลิศแห่งโลก ประจำปี 2562 ระหว่างวันที่ 18-27 กันยายน ที่เมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี โดยไม่ส่งนักกีฬาเข้าร่วม พร้อมกับได้ปิดแคมป์ฝึกซ้อมที่จ.เชียงใหม่ไปแล้วนั้น

ล่าสุด “เสธ.ยอด” พล.ต.อินทรัตน์ ยอดบางเตย นายกกิตติมศักดิ์สมาคมกีฬายกน้ำหนักสมัครเล่นแห่งประเทศไทย และรองประธานสหพันธ์ยกน้ำหนักนานาชาติ คนที่ 1 เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาสมาคมฯนั้นต่อต้านเรื่องสารต้องห้ามมาโดยตลอด ก่อนหน้าการแข่งขันยกน้ำหนักชิงชนะเลิศแห่งโลก ประจำปี 2561 ก็มีการตรวจทั้งก่อนแข่ง ระหว่างแข่ง และหลังแข่งขัน ซึ่งไม่พบสารต้องห้ามแต่อย่างใด แต่ทางสหพันธ์ฯกลับใช้การตรวจแบบใหม่กับประเทศไทยเป็นครั้งแรก โดยวัดจากการสวิงของฮอร์โมน และพบถึง 8 ราย ดังนั้น จึงเลือกแบนตัวเองออกจากการแข่งขัน เพื่อจะรักษาการเป็นเจ้าภาพชิงแชมป์โลกที่ประเทศไทยเอาไว้ให้ได้

พล.ต.อินทรัตน์กล่าวต่อว่า หลังจากแจ้งให้ที่ประชุมทราบ ก็ได้มีการลงคะแนนกัน ซึ่ง 15 จาก 17 คน สนับสนุนให้ไทยจัดการแข่งขันต่อ ดังนั้น ก็จะต้องมีการลงนามเพื่อรับผิดชอบในสิ่งต่างๆ แต่พอเห็นใบที่ออกมา ก็สามารถเข้าใจได้เลยว่า ดร.ทามาส อาจาน ประธานสหพันธ์ชาวฮังการี ตั้งใจที่จะเล่นงานตน เนื่องจากว่าตนเองนั้นสามารถที่จะควบคุมโหวตของคณะกรรมการบริหารได้ ดังนั้น จึงมีการระบุว่าถ้าหากจัดชิงแชมป์โลกที่พัทยา ทั้งตนเองและนางบุษบา ยอดบางเตย นายกสมาคมกีฬายกน้ำหนักสมัครเล่นแห่งประเทศไทย จะไม่สามารถลงไปเลือกตั้งตำแหน่งต่างๆ ในเอเชีย หรืออะไรทั้งหมดเลย ซึ่งเรื่องนี้จะต้องมีการไปคุยในศาลกีฬาโลกแน่นอน

“ครั้งนี้เป็นเพียงกำลังภายในฉากแรกเท่านั้น และเดี๋ยวคงมีตามมาอีกเรื่อยๆ อย่างไรก็ตาม เขาทำได้เราก็ทำได้ แต่เราจะอยู่บนความถูกต้อง เชื่อว่าสมาคมยกน้ำหนักทุกประเทศรู้เรื่องนี้ดี ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของการรวบรวมข้อมูลเพื่อต่อสู้ในชั้นศาล”

Advertisement

เสธ.ยอดกล่าวต่อว่า ในการประชุมสหพันธ์ฯที่ผ่านมา ทางคณะกรรมการโอลิมปิกสากล (ไอโอซี) ก็ได้มีการสอบถามมาถึงความคืบหน้าเรื่องสารต้องห้าม จึงได้ปรึกษากันว่าถ้าปล่อยเรื่องนี้เอาไว้อาจจะมีผลต่อการประชุมของไอโอซีในปลายเดือนมีนาคม ที่จะทำให้กีฬายกน้ำหนักไม่มีในโอลิมปิกเกมส์ ที่กรุงปารีส ปี 2024 ดังนั้น การเลือกแบนตัวเองจึงได้รับคำชมอย่างมากจากที่ประชุมของสหพันธ์ฯ

พล.ต.อินทรัตน์กล่าวเสริมว่า เรื่องของการปิดแคมป์ที่เชียงใหม่นั้น เนื่องจากว่าทางสหพันธ์ฯนั้นยังมีการส่งเจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจเรื่องสารต้องห้ามอยู่เรื่อยๆ ดังนั้น จึงเลือกความปลอดภัยของนักกีฬาเอาไว้ก่อน แต่ในเรื่องของการพัฒนานักกีฬา จะยังมีการจัดการแข่งขันชิงแชมป์ประเทศไทย ทุกระดับเช่นเดิม รวมถึงในกีฬาเยาวชนแห่งชาติ และกีฬาแห่งชาติ เพื่อให้เกิดการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ไม่ให้หยุดนิ่ง แต่การจะพัฒนานักกีฬายกน้ำหนักนั้น ผลการตัดสินของไอโอซีว่าจะมียกน้ำหนักในโอลิมปิกเกมส์ 2024 หรือไม่นั้น ก็เป็นส่วนสำคัญเช่นกัน

เสธ.ยอดปิดท้ายว่า ส่วนเรื่องการสอบสวนภายในของสมาคมฯ จะต้องทำการสรุปส่งรายงานให้กับสหพันธ์ฯ ก่อนวันที่ 1 สิงหาคมนี้ ซึ่งกระบวนการสอบสวนมีความคืบหน้าไปมาก คาดว่าจะเสร็จสิ้นเร็วกว่านั้น ภายในเดือนเมษายนน่าจะเรียบร้อย และเรื่องของการตรวจตัวอย่างปัสสาวะบี ของนักกีฬาไทย 3 คน สหพันธ์ฯเปิดตัวอย่างบีไปแล้ว เมื่อวันที่ 5 มีนาคมที่ผ่านมา ซึ่งยังรอผลอยู่ว่าเป็นอย่างไร ส่วนนักกีฬากลุ่มที่เหลือ สหพันธ์ฯจะมีการเปิดตัวอย่างบี ในวันที่ 18 มีนาคมนี้ต่อไป

Advertisement

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image