พสกนิกรยังคงเดินทางไปกราบสักการะพระบรมศพ ด้านนอกกำแพงพระบรมมหาราชวัง

เมื่อวันที่ 8 ตุลาคม ที่บริเวณกำแพงวัง ด้านประตูเทวาภิรมย์ของพระบรมมหาราชวัง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แม้สำนักพระราชวังปิดให้ประชาชนเข้ากราบสักการะพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ตั้งแต่วันที่ 5 ตุลาคมที่ผ่านมา ทว่ายังมีประชาชนบางส่วนเดินทางมายังริมกำแพงวัง เพื่อกราบสักการะในหลวงรัชกาลที่ 9 จากด้านนอกวัง โดยนำพวงมาลัยสีเหลืองและสีอื่นๆ มาร่วมถวายและวางตามแนวบริเวณกำแพงด้วย ทั้งนี้ ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ว่า ประชาชนสามารถเดินทางมายังสนามหลวง เพื่อชมพระเมรุมาศจากด้านนอก ตรงบริเวณมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ บริเวณท่าช้าง ท่าเตียนไปตามถนนมหาราชเท่านั้น

นางพรทิพย์ คชาชีวะ อายุ 58 ปี เดินทางมาพร้อมนางสาวพสธร บุตรสาว อายุ 28 ปี และนายวรรธนรรถ คชาชีวะ บุตรชายอายุ 26 ปี เพื่อถวายดอกไม้แด่ในหลวงรัชกาลที่ 9 จากบ้านพักย่านลาดพร้าว กรุงเทพฯ โดยนางพรทิพย์กล่าวด้วยน้ำตาว่า เนื่องจากตนมีอาการเอ็นเท้าอักเสบบริเวณขาทั้งสองข้าง ทำให้เดินไม่สะดวก และมีโรคเกี่ยวกับกระเพาะปัสสาวะ ทำให้ตนไม่สามารถเดินทางเข้ากราบสักการะพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชได้ ก่อนหน้านี้อยากเดินทางมาเป็นอย่างมาก พยายามภาวนาให้อาการเจ็บป่วยให้หายทันก่อนปิดสักการะ เพราะไม่อยากเป็นภาระของผู้อื่น เนื่องจากมีอาการป่วยค่อนข้างหนัก ส่วนลูกทั้งสองคนต้องทำงาน ไม่ค่อยมีเวลามากนักที่จะได้ร่วมเดินทางมากราบสักการะ อย่างไรก็ตาม แม้ได้กราบสักการะและเห็นพระบรมโกศจากภายนอกแค่นี้ ตนก็ตื้นตันใจมากแล้ว

“คำสอนสำคัญที่นำมาใช้ในชีวิต คือ การเป็นคนดี คำสอนนี้ได้นำมาใช้ในชีวิตของตน ทั้งพูดดี คิดทำดี ที่พระองค์ทรงสอนให้ทุกคนเป็นคนดีและทุกสิ่งที่ตามมาก็จะเป็นผลดีเสมอ ไม่เพียงเท่านั้น ยังได้นำคำสอนเรื่องการเป็นคนดีและช่วยเหลือคนอื่น มาปลูกฝังให้กับลูกทั้งสองคน จนทุกวันนี้พวกเขาประสบความสำเร็จและมีเรื่องราวที่ดีในชีวิตเสมอมา” นางพรทิพย์กล่าว

นางพรทิพย์ คชาชีวะ และครอบครัว

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image