ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงเวลาบ่าย ต่อเนื่องจนถึงช่วงค่ำ ที่บริเวณฝั่งศาลฎีกา ยังคงมีประชาชนรอเข้าร่วมพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร อย่างเนืองแน่น แม้ว่าบรรยากาศตลอดในช่วงบ่ายจะมีแดดแรง สลับกับฝนตกโปรยปราย แต่ประชาชนก็ยังอดทนนั่งรออยู่บริเวณดังกล่าวโดยไม่ลุกไปไหน เนื่องจากต้องการรอชมขบวนพระราชพิธีฯ ในมุมที่ดีที่สุด และเป็นการส่งเสด็จเป็นครั้งสุดท้าย ทั้งนี้ มีจิตอาสาเฉพาะกิจจำนวนมากค่อยผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนเดินให้บริการประชาชน โดยการแจกจ่ายอาหาร น้ำดื่ม รวมถึงยาดม
นางสุขฤทัย จันทร์ส่องสุข อายุ 53 ปี จาก อ.สมเด็จ จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า เดินทางมากับบุตรชาย และเพื่อนบ้านจาก อ.สมเด็จ จ.กาฬสินธุ์ ถึงบริเวณท้องสนามหลวงตั้งแต่เช้ามืดของวันที่ 23 ตุลาคม 2560 โดยหวังจะเฝ้ารับเสด็จพระบรมวงศานุวงศ์ และรอดูพระราชพิธีให้ใกล้ชิดมากที่สุด ซึ่งถึงเวลา 05.00 น. ของวันที่ 25 ตุลาคม ที่เปิดจุดคัดกรองแล้ว ตนเองได้มีโอกาสเข้ามาเป็นประชาชนกลุ่มแรกๆ ก็รู้สึกดีใจมาก โดยตั้งใจว่าจะปักหลักรอบริเวณหน้าศาลฎีกาจนกว่าจะเสร็จสิ้นพระราชพิธี
“หากจะถามถึงเหตุผลที่มาร่วมพระราชพิธีครั้งนี้ เชื่อว่าหลายคนก็คงรู้สึกเหมือนกัน คือ ไม่สามารถบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้ เพราะพระองค์ทรงเหมือนพ่อที่เมตตาลูกๆ ทรงงานอย่างหนักเพื่อให้ลูกทุกคนมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นตราบจนทุกวันนี้” นางสุขฤทัย กล่าวด้วยน้ำตาซึม
